วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

Apple ลุยธุรกิจเครือข่ายสังคมเพื่อเพลง "Ping"

แอปเปิล (Apple) กระโดดร่วมวงธุรกิจเครือข่ายสังคมออนไลน์อีกราย เปิดตัวบริการ Ping โซเชียลเน็ตเวิร์กบน iTunes ซึ่งแอปเปิลเชื่อว่าจะเป็นช่องทางให้สาวกได้อัปเดทเพลงใหม่จนตัดสินใจซื้อ เพลงกับแอปเปิลถี่มากขึ้น นอกจาก Ping แอปเปิลยังเปิดตัวเครื่องเล่นเพลงพกพาตระกูล iPod ใหม่ยกแผง และ Apple TV รุ่นใหม่ราคาประหยัดไร้ฮาร์ดดิสก์ พร้อมโชว์คุณสมบัติใหม่ในซอฟต์แวร์ iOS เวอร์ชัน 4.2 ที่จะทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต iPad และสมาร์ทโฟน iPhone สามารถสั่งพิมพ์งานแบบไร้สายได้ ตามความคาดหมาย แอปเปิลเปิดตัวนานาความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับบริการเพลงในแถลงข่าวธุรกิจเพลง ของแอปเปิลซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์ศิลปะ Yerba Center เมื่อวันพุธที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา โดยความเคลื่อน ไหวในส่วนฮาร์ดแวร์นั้นมี 2 สินค้าหลัก สินค้าแรกคือการออกเซ็ตท็อปบ็อกซ์ Apple TV รุ่นใหม่ขนาดเล็กลงตามราคาที่หั่นเหลือ 99 เหรียญ (ราว 3,200 บาท) ลดลงจากรุ่นดั้งเดิมที่มีราคาถึง 229 เหรียญ (ประมาณ 7,400 บาท) ไม่เพียงราคาเครื่อง แอปเปิลยังลดราคาเช่ารายการทีวีโชว์เหลือ 99 เซนต์ (ราว 32 บาท) โดยจับมือกับสถานีโทรทัศน์ในสหรัฐฯอย่าง Fox และ ABC รวมถึงจับมือกับ Netflix เพื่อให้บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ด้วย สินค้าที่สองคือเครื่อง เล่นเพลงตระกูล iPod สินค้าที่เปลี่ยนชีวิตของแอปเปิลหลังการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2001 ครั้งนี้แอปเปิลปรับดีไซน์และคุณสมบัติใหม่ทั้งกลุ่ม Shuffle, Nano และ Touch จุดนี้จ็อบส์มั่นใจว่าแม้ยอดจำหน่าย iPod ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2010 จะลดลง แต่จากนี้รายได้จาก iPod จะเพิ่มขึ้นแน่นอนเพราะสาวกแอปเปิลจะตกอยู่ใต้มนต์สะกดของ iPod Touch ที่มีคุณสมบัติดีขึ้นจนความสามารถบางส่วนใกล้เคียง iPhone 4 และที่สำคัญคือมีราคาแพงขึ้นกว่า iPod รุ่นดั้งเดิม เฟสบุ๊กและทวิตเตอร์บน iTunes ที่เหนือความคาดหมายคือการเปิด ตัวบริการนามว่า Ping จ็อบส์นั้นนิยามความเป็น Ping ว่าคือเฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ที่เกี่ยวกับเพลงบน iTunes แหล่งดาวน์โหลดคอนเทนต์ออนไลน์สำหรับทุกอุปกรณ์ของแอปเปิล โดยผู้ใช้จะสามารถ "follow" หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้แบบ Twitter แต่จะเป็นเนื้อหาเรื่องเพลง เช่น เพลงล่าสุดที่ฟัง เพลงล่าสุดที่ซื้อ รวมถึงคอนเสิร์ตที่กำลังวางแผนไปชม ไม่ใช่เพียงเพื่อน แต่ผู้ใช้จะสามารถติดตามกลุ่มศิลปินเพื่ออัปเดทผลงานใหม่ ทัวร์คอนเสิร์ต และงานอีเวนต์ต่างๆที่กำลังจะมีขึ้น บริการนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากบริการเพลงออนไลน์ดั้งเดิมในตลาดอย่าง Pandora และ Zune Social จากไมโครซอฟท์นั้นมีฟีเจอร์ที่เปิดกว้างให้เพื่อนสามารถแบ่งปันข้อมูลเกี่ยว กับเพลงได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นต่างกัน เนื่องจากคุณสมบัตินี้จะส่งตรงถึงสมาชิก iTunes มากกว่า 160 ล้านคนที่จะดาวน์โหลด iTunes เวอร์ชัน 10 ใหม่ล่าสุด ทั้งหมดนี้เป็นโอกาสที่ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า Ping จะไม่แป้กอย่างในบริการเพลงอื่น นักวิเคราะห์มองว่า แอ ปเปิลนั้นต้องการสร้างสายสัมผัสระหว่างผู้ใช้ iTunes เพื่อเป้าหมายขายเพลงอย่างชัดเจน เพราะ Ping จะทำให้สาวกแอปเปิลมีเหตุผลในการควักเงินซื้อเพลงบ่อยครั้งและถี่ขึ้น ทั้งหมดนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่า Ping จะไม่ใช่คู่แข่งของเฟสบุ๊ก เพราะเฟสบุ๊กนั้นเป็นแหล่งพบปะเพื่อนฝูงทุกกลุ่มอย่างแท้จริง แต่ผู้ที่จะได้รับผลกระทบจาก Ping จะเป็น MySpace แทน ซึ่งในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ MySpace นั้นเป็นสังคมออนไลน์ด้านเพลงของชาวอเมริกันเป็นหลักไปแล้ว จ็อบส์ระบุว่า Ping นั้นมีนโยบายการรักษาความเป็นส่วนตัวแบบง่ายไม่ซับซ้อน โดยทุกคนสามารถ follow ติดตามกลุ่มศิลปินที่ชื่นชอบเพื่อรับข้อมูลอัปเดทเรื่องเพลงตามต้องการ และจะสามารถตั้งค่าให้ผู้ใช้รายอื่นมา follow ตัวเองได้ทั้งแบบรับทุกคนและแบบรออนุมัติก่อน iOS ยังไม่แก้เรื่องเสาสัญญาณ จ้อบส์นั้นประกาศบนเวทีว่า ปัจจุบัน แอปเปิลสามารถจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ได้มากถึง 120 ล้านเครื่องแล้ว โดยการันตีว่าระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพาอย่าง iOS นั้นมีการใช้งานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 230,000 อุปกรณ์ต่อวัน สำหรับ เวอร์ชัน 4.01 ซึ่งแอปเปิลจะเปิดให้ดาวน์โหลดสัปดาห์หน้านั้น แอปเปิลระบุว่าได้แก้ปัญหาเรื่องเซ็นเซอร์ใน iPhone 4 (ไม่ใช่เรื่องการรับสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่บกพร่องที่เป็นข่าวคราวใหญ่โต) งานนี้จ็อบส์ระบุว่า iOS 4.2 เวอร์ชันหน้าจะพร้อมเปิดใช้งานได้ในเดือนพฤศจิกายน จุดเด่นของเวอร์ชัน 4.2 คือการทำให้แอปพลิเคชัน iPad สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันของ iPhone ได้ดีขึ้น โดยจะมีตัวชูโรงคือเทคโนโลยี AirPlay ซึ่งผู้ใช้จะสามารถส่งต่อมัลติมีเดียระหว่างอุปกรณ์ได้ผ่านเครือข่าย Wi-Fi สำหรับยอดการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน แอปเปิลเคลมว่าลูกค้าแอปเปิลนั้นดาวน์โหลดซอฟต์แวร์มากถึง 200 แอปพลิเคชันต่อวินาที ขอขอบคุณข้อมูลจาก Cyber Biz

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น