วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

RSS News Feed - RSS Feed URL - Blog rss feeds

http://rss.treehost.in.th

RSS News Feed - RSS Feed URL - Blog rss feeds

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Google รุก Web 3.0 เร่งเสิร์ชฉลาดขึ้น

Google รุก Web 3.0 เร่งเสิร์ชฉลาดขึ้น

ในขณะที่ข่าวแถลงการณ์ของแอปเปิ้ล (Apple) ได้รับความสนใจจนแทบจะกลบข่าวอื่นๆ ไปแล้ว กูเกิ้ล (Google) กำลังเดินเกมรุกปลุก Search Engine ของบริษัทให้ฉลาดขึ้น โดยเข้าซื้อบริษัทที่ให้บริการจัดการข้อมูลบนเว็บด้วย “entity” ที่สามารถระบุตัวตนของสิ่่งที่พูดถึงได้ชัดเจนกว่าการใช้ “keyword” จับคู่คำที่เหมือนคล้าย ใกล้เคียง หรือเกี่ยวข้องเท่านั้น

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Google ได้ประกาศการเข้าซื้อเว็บไซต์ Metaweb เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไม่เปิดเผยตัวเลขมูลค่าการซื้อขาย เป้าหมายคือ การทำให้อัลกอริธึม หรือกระบวนการคิดของเสิร์ชเอ็นจิ้น Google มีความฉลาดในการค้นหาคำตอบได้โดนยิ่งขึ้น ซึ่งหมายถึงอีกขั้นของการขยับเข้าสู่ความเป็น Web 3.0 ทั้งนี้ Google ยังพูดถึงความสนใจ Freebase หนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ Metaweb ที่รวบรวมคุณลักษณะที่ช่วยให้สามารถแยกแยะความแตกต่างของคน สถานที่ และสิ่งของที่มีชื่อเรียกเหมือนกันได้ เช่น Henry Ford ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์กับ Henry Ford ที่เป็นนักฟุตบอล เป็นต้น

ปัจจุบัน Freebase มีฐานข้อมูลเปิดที่สามารถใช้แยกแยะ เพื่อระบุคน สถานที่ ตลอดจนสิ่งของต่างๆ ได้มากกว่า 12 ล้านรายการแล้ว ซึ่งรวมถึง ภาพยนต์ หนังสือ รายการทีวี คนดัง สถานที่ บริษัท และอื่นๆ อีกมากมาย แผนของ Google และ Metaweb ก็คือ การดูแลรักษา Freebase ให้เป็นฐานข้อมูลเปิด และใช้ฟรีกับผู้ใช้ทั่วโลกต่อไป โดยทางบริษัทจะยินดีอีกด้วย หากบริษัทที่นำ Freebase ไปใช้จะช่วยป้อนข้อมูลเข้าไปให้มันฉลาดขึ้น ซึ่งในอนาคต Freebase จะกลายเป็นทรัพยกรขนาดใหญ่ที่ทำให้เว็บกลายเป็นแหล่งข้อมูลที่ฉลาดขึ้นทั้ง สำหรับผู้ดูแลเว็บ และผู้ใช้ (ข้างล่างเป็นคลิปอธิบายวิธีจัดการข้อมูลด้วย entity ของ metaweb)

ไม่ แน่ว่า Google อาจจะใช้ Freebase เป็นกลไกของสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะของการแชร์ความรู้ เพื่อนำมาจัดการ และสร้างเป็นฐานความรู้ใหม่ที่ทำให้เว็บฉลาดขึ้นสำหรับผู้ใช้ หรือ Google มีแผนที่จะใช้ Freebase เป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นในการสร้างบริการที่เป็นคู่แข่ง Facebook ในอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้ (Facebook มีระบบ personalization ที่สามารถแนะนำให้ผู้ใช้ได้มีโอกาสพบเพื่อนใหม่ และเพื่อนเก่า แต่หากเพื่อนคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ระบบของ Facebook จะยังคงแนะนำให้ติดต่อเพื่อนคนนี้ เนื่องจากมันไม่รู้คุณลักษณะของ entity นี้ ดังที่เป็นข่าวเมื่อวันก่อน)

ข้อมูลจาก: pcmag

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th]

สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

www.inwgame.com : คอเกมส์ อัพเดทข่าวสารเกมส์ใหม่ก่อนใครได้ที่นี่..

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ไวรัสคอมพิวเตอร์ คืออะไร

ไวรัสคอมพิวเตอร์ คืออะไร

คอมพิวเตอร์ไวรัสเป็นชื่อเรียก สำหรับ โปรแกรมประเภทหนึ่งที่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กับไวรัสที่เป็นเชื้อโรค ที่สามารถแพร่เชื้อได้และมักทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่มันอาศัยอยู่ แต่ต่างกันตรงที่ว่าคอมพิวเตอร์ไวรัสเป็นแค่เพียงโปรแกรมเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต
ไวรัสคืออะไร

ไวรัส คือ โปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบ คอมพิวเตอร์ได้ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาดิสก์ที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่อง หนึ่ง หรืออาจผ่านระบบเครือข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูล ไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกัน
การที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายถึงว่าไวรัสได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไวรัสก็เป็นแค่โปรแกรมๆ หนึ่ง การที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกให้ทำงาน ได้นั้น ยังขึ้นอยู่กับประเภทของไวรัสแต่ละตัว ปกติผู้ใช้มักจะไม่รู้ัตัวว่าได้ทำการปลุกคอมพิวเตอร์ไวรัสขึ้นมาทำงาน แ้้ล้ว
จุดประสงค์ของการทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับตัวผู้เขียน โปรแกรมไวรัสนั้น เช่น อาจสร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่นๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแสดงข้อความวิ่งไปมาบนหน้าจอ เป็นต้น
ประเภทของไวรัส

บูตเซกเตอร์ ไวรัส

Boot Sector Viruses หรือ Boot Infector Viruses คือ ไวรัสที่เก็บตัวเองอยู่ในบูตเซกเตอร์ของดิสก์ การใช้งานของบูตเซกเตอร์คือเมื่อ เครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานขึ้นมาตอนแรก เครื่องจะเข้าไปอ่านบูตเซกเตอร์โดยในบูตเซกเตอร์จะมีโปรแกรมเล็กๆไว้ใช้ใน การเรียกระบบปฏิบัติการขึ้นมาทำงานอีกทีหนึ่ง บูตเซกเตอร์ไวรัสจะเข้าไปแทนที่โปรแกรมดังกล่าว และไวรัสประเภทนี้ ถ้าไปติดอยู่ในฮาร์ดดิสก์ โดยทั่วไปจะเข้าไปอยู่บริเวณที่เรียกว่า Master Boot Sector หรือ Parition Table ของฮาร์ดดิสก์นั้น ถ้าบูตเซกเตอร์ของฮาร์ดดิสก์ใดมีไวรัสประเภทนี้ติดอยู่ ทุกๆ ครั้งที่บูตเครื่องขึ้นมาโดย พยายามเรียกดอสจากดิสก์นี้ ตัวโปรแกรมไวรัสจะทำงานก่อนและจะเข้าไปฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำเพื่อเตรียม พร้อมที่จะทำงานตามที่ได้ถูกโปรแกรมมา แล้วตัวไวรัสจึงค่อยไปเรียกดอสให้ขึ้นมาทำงานต่อไป ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โปรแกรมไวรัส

Program Viruses หรือ File Intector Viruses เป็นไวรัสอีกประเภทหนึ่งที่จะติดอยู่กับโปรแกรม ซึ่งปกติก็คือ ไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น COM หรือ EXE และบางไวรัสสามารถเข้าไปติดอยู่ในโปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น sys และโปรแกรมประเภท Overlay Programs ได้ด้วย โปรแกรมโอเวอร์เลย์ปกติจะเป็นไฟล์ีที่มีนามสกุลที่ขึ้นต้นด้วย OV วิธีการที่ ไวรัสใช้เพื่อที่จะเข้าไปติดโปรแกรมมีอยู่ 2 วิธี คือ การแทรกตัวเข้าไปอยู่ในโปรแกรม ผลก็คือ หลังจากที่โปรแกรมนั้นติดไวรัสไปแล้ว ขนาดของโปรแกรมจะใหญ่ขึ้น หรืออาจมีการสำเนาตัวเองเข้าไปทับส่วนของโปรแกรมที่มีอยู่ เดิม ดังนั้นขนาดของโปรแกรมจะไม่เปลี่ยนและยากที่จะซ่อมให้กลับเป็นดังเดิม การทำงานของไวรัสโดยทั่วไป คือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่ติดไวรัสอยู่ ตัวไวรัสจะเ้ข้าไปหาโปรแกรมตัวอื่นๆ ที่อยู่ในดิสก์เพื่อทำสำเนาตัวเองลงไปทันทีแล้วจึงค่อยให้โปรแกรมที่ถูก เรียกนั้น ทำงานตามปกติต่อไป

ม้าโทร จัน

ม้าโทร จัน (Trojan Horse) เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาใ้ห้ทำตัวเหมือนว่าเป็นโปรแกรมธรรมดาทั่วๆ ไป เพื่อหลอกล่อผู้ใช้ให้ทำการเรียกขึ้นมาทำงาน แต่เมื่อถูกเรียกขึ้นมาแล้ว ก็จะเริ่มทำลายตามที่โปรแกรมมาทันที ม้าโทรจันบางตัวถูกเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งชุด โดยคนเขียนจะทำการตั้งชื่อโปรแกรมพร้อมชื่อรุ่นและคำอธิบายการใช้งานที่ดูสม จริง เพื่อหลอกให้คนที่จะเรียกใช้ตายใจ จุดประสงค์ของคนเขียนม้าโทรจันอาจจะเช่นเดียวกับคนเขียนไวรัส คือ เข้าไปทำอันตรายต่อข้อมูลที่มีอยู่ในเครื่อง หรืออาจมีจุดประสงค์เพื่อที่จะล้วงเอาความลับของระบบคอมพิวเตอร์

ม้าโทรจันนี้อาจจะถือว่าไม่ใช่ไวรัส เพราะเป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาโดดๆ และจะไม่มีการเข้าไปติดตั้งในโปรแกรมอื่นเพื่อสำเนาตัวเอง แต่จะใช้ความรู้เท่าไม่ถึงการของผู้ใช้เป็นตัวแพร่ระบาดซอฟต์แวร์ที่มีม้า โทรจันอยู่ในนั้นและนับว่าเป็นหนึ่งในประเภทของโปรแกรมที่มีความอันตรายสูง เพราะยากที่จะตรวจสอบและสร้างขึ้นมาได้ง่าย ซึ่งอาจใช้แค่แบตซ์ไฟล์ก็สามารถโปรแกรมประเภทม้าโทรจันได้

โพลี มอร์ฟิกไวรัส

Polymorphic Viruses เป็นชื่อที่ใช้ในการเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการแปรเปลี่ยนตัวเองได้ เมื่อมีการสร้างสำเนาตัวเองเกิดขึ้นซึ่งอาจได้ถึงหลายร้อยรูปแบบ ผลก็คือ ทำให้ไวรัสเหล่านี้ยากต่อการถูกตรวจจับ โดยโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้วิธีการสแกนอย่างเดียว ไวรัสใหม่ๆในปัจจุบันที่มีความสามารถนี้เริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

สทีลต์ ไวรัส

Stealth Viruses เป็นชื่อเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการพรางตัวต่อการตรวจจับได้ เช่น ไฟล์อินเฟกเตอร์ ไวรัสประเภทที่ไปติดโปรแกรมใดแล้วจะทำให้ขนาดของโปรแกรมนั้นใหญ่ขึ้น ถ้าโปรแกรมไวรัสนั้นเป็นแบบสทีลต์ไวรัส จะไม่สามารถตรวจดูขนาดที่แท้จริงของโปรแกรมที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากตัวไวรัสจะเข้าไปควบคุมดอส เมื่อมีการใช้คำสั่ง DIR หรือโปรแกรมใดก็ตามเพื่อตรวจดูขนาดของโปรแกรม ดอสก็จะแสดงขนาดเหมือนเดิมทุกอย่างราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อาการของเครื่องที่ติดไวรัส

สามารถสังเกตุการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาการดังต่อไป นี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเ้ข้าไปติดอยู่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้น ได้แก่

* ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
* ขนาดของโปรแกรม ใหญ่ขึ้น
* วันเวลาของ โปรแกรมเปลี่ยนไป
* ข้อความที่ปกติ ไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อยๆ
* เกิดอักษรหรือข้อ ความประหลาดบนหน้าจอ
* เครื่องส่ง เสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกรมที่ใช้อยู่
* แป้นพิมพ์ทำงานผิด ปกติหรือไม่ทำงานเลย
* ขนาดของหน่วยความ จำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้
* ไฟล์แสดงสถานะการ ทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
* ไฟล์ข้อมูลหรือ โปรแกรมที่เคยใช้อยู่ๆ ก็หายไป
* เครื่องทำงานช้า ลง
* เครื่องบูตตัวเอง โดยไม่ได้สั่ง
* ระบบหยุดทำงานโดย ไม่ทราบสาเหตุ
* เซกเตอร์ที่เสีย มีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยมีการรายงานว่าจำนวนเซกเตอร์ที่เสียมีจำนวนเพิ่มขึ้น กว่าแต่ก่อนโดยที่
* ยังไม่ได้ใช้ โปรแกรมใดเข้าไปตรวจหาเลย

การตรวจหาไวรัส

การส แกน

โปรแกรม ตรวจหาไวรัสที่ใช้ิวิธีการสแกน (Scanning) เรียกว่า สแกนเนอร์ (Scanner) โดยจะมีการดึงเอาโปรแกรมบางส่วนของตัวไวรัสมาเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล ส่วนที่ดึงมานั้นเราเรียกว่า ไวรัสซิกเนเจอร์ (VirusSignature) และเมื่อสแกนเนอร์ถูกเรียกขึ้นมาทำงานก็จะเข้าตรวจหาไวรัสในหน่วยความทรงจำ บูตเซกเตอร์และไฟล์โดยใช้ไวรัสซิกเนเจอร์ที่มีอยู่

ข้อดีของ วิธีการนี้ก็คือ เราสามารถตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่มาใหม่ได้ทันทีเลยว่าติดไวรัสหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสถูกเรียกขึ้นมาทำงานตั้งแต่เริ่มแรก
แต่วิธีนี้มีจุดอ่อนหลายข้อ คือ

1.
ฐานข้อมูลที่เก็บ ไวรัสซิกเนเจอร์จะต้องทันสมัยอยู่เสมอ และครอบคลุมไวรัสทุกตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
2.
เพราะสแกนเนอร์จะไม่สามารถตรวจจับ ไวรัสที่ยังไม่มีซิกเนเจอร์ของไวรัสนั้นเก็บอยู่ในฐานข้อมูลได้
3.
ยากที่จะตรวจจับไวรัสประเภทโพลี มอร์ฟิก เนื่องจากไวรัสประเภทนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองได้
4.
จึงทำให้ไวรัสซิกเนเจอร์ที่ใช้ สามารถนำมาตรวจสอบได้ก่อนที่ไวรัสจะ้เปลี่ยนตัวเองเท่านั้น
5.
ถ้ามีไวรัสประเภทสทีลต์ไวรัส ติดอยู่ในเครื่องตัวสแกนเนอร์อาจจะไม่สามารถตรวจหาไวรัสนี้ได้
6.
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและ เทคนิคที่ใช้ของตัวไวรัสและของตัวสแกนเนอร์เองว่าใครเก่งกว่า
7.
เนื่องจากไวรัสมีตัวใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอๆ ผู้ใช้จึงจำเป็นต้องหาสแกนเนอร์ตัวที่ใหม่ที่สุดมาใช้
8.
มีไวรัสบางตัวจะเข้าไปติดใน โปรแกรมทันทีที่โปรแกรมนั้นถูกอ่าน และถ้าสมมติ
9.
ว่าสแกนเนอร์ที่ใช้ไม่สามารถตรวจ จับได้ และถ้าเครื่องมีไวรัสนี้ติดอยู่ เมื่อมีการ
10.
เรียกสแกนเนอร์ขึ้นมาทำงาน สแกนเนอร์จะเข้าไปอ่านโปรแกรมทีละโปรแกรมเพื่อตรวจสอบ
11.
ผลก็คือจะทำให้ไวรัสตัวนี้เข้าไป ติดอยู่ในโปรแกรมทุกตัวที่ถูกสแกนเนอร์นั้นอ่านได้
12.
สแกนเนอร์รายงานผิดพลาดได้ คือ ไวรัสซิกเนเจอร์ที่ใช้บังเอิญไปตรงกับที่มี
13.
อยู่ในโปรแกรมธรรมดาที่ไม่ได้ติด ไวรัส ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในกรณีที่ไวรัสซิกเนเจอร์ที่ใช้มีขนาดสั้นไป
14.
จะทำให้โปรแกรมดังกล่าวใช้งานไม่ ได้อีกต่อไป

การตรวจการเปลี่ยนแปลง

การ ตรวจการเปลี่ยนแปลง คือ การหาค่าพิเศษอย่างหนึ่งที่เรียกว่า เช็คซัม (Checksum) ซึ่งเกิดจากการนำเอาชุดคำสั่งและข้อมูลที่อยู่ในโปรแกรมมาคำนวณ หรืออาจใช้ข้อมูลอื่นๆ ของไฟล์ ได้แก่ แอตริบิวต์ วันและเวลา เข้ามารวมในการคำนวณด้วย เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งหรือข้อมูลที่อยู่ในโปรแกรม จะถูกแทนด้วยรหัสเลขฐานสอง เราจึงสามารถนำเอาตัวเลขเหล่านี้มาผ่านขั้นตอนการคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้ ซึ่งวิธีการคำนวณเพื่อหาค่าเช็คซัมนี้มีหลายแบบ และมีระดับการตรวจสอบแตกต่างกันออกไป เมื่อตัวโปรแกรมภายในเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าไวรัสนั้นจะใช้วิธีการแทรกหรือเขียนทับก็ตาม เลขที่ได้จากการคำนวณครั้งใหมจะเปลี่ยนไปจากที่คำนวณได้ก่อนหน้านี้

ข้อดีของการตรวจการเปลี่ยนแปลงก็คือ สามารถตรวจจับไวรัสใหม่ๆ ได้ และยังมีความสามารถในการตรวจจับไวรัสประเภทโพลีมอร์ฟิกไวรัสได้อีกด้วย แต่ก็ยังยากสำหรับสทีลต์ไวรัส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดของโปรแกรมตรวจหาไวรัสเองด้วยว่า จะสามารถถูกหลอกโดยไวรัสประเภทนี้ได้หรือไม่ และมีวิธีการตรวจการเปลี่ยนแปลงนี้จะตรวจจับไวรัสได้ก็ต่อเมื่อไวรัสได้เข้า ไปติดอยู่ในเครื่องแล้วเท่านั้น และค่อนข้างเสี่ยงในกรณีที่เริ่มมีการคำนวณหาค่าเช็คซัมเป็นครั้งแรก เครื่องที่ใช้ต้องแน่ใจว่าบริสุทธิ์พอ คือต้องไม่มีโปรแกรมใดๆ ติดไวรัส มิฉะนั้นค่าที่หาได้จากการคำนวณที่รวมตัวไวรัสเข้าไปด้วย ซึ่งจะลำบากภายหลังในการที่จะตรวจหาไวรัสตัวนี้ต่อไป

การ เฝ้าดู

เพื่อที่จะให้โปรแกรมตรวจจับ ไวรัสสามารถเฝ้าดูการทำงานของเครื่องได้ตลอดเวลานั้น จึงได้มีโปรแกรม ตรวจจับไวรัสที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นโปรแกรมแบบเรซิเดนท์หรือ ดีไวซ์ไดรเวอร์ โดยเทคนิคของการเฝ้าดูนั้นอาจใช้วิธีการสแกนหรือตรวจการเปลี่ยนแปลง หรือสองแบบรวมกันก็ได้ การทำงานโดยทั่วไป ก็คือ เมื่อซอฟแวร์ตรวจจับไวรัสที่ใช้วิธีนี้ถูกเรียกขึ้นมาทำงานก็จะเข้าไปตรวจใน หน่วยความจำของเครื่องก่อนว่ามีไวรัสติดอยู่หรือไม่โดยใช้ไวรัสซิกเนเจอร์ ที่มีอยู่ในฐานข้อมูล จากนั้นจึงค่อยนำตัวเองเข้าไปฝังอยู่ในหน่วยความจำ และต่อไปถ้ามีการเรียกโปรแกรมใดขึ้นมาใช้งาน โปรแกรมเฝ้าดูนี้ก็จะเข้าไปตรวจโปรแกรมนั้นก่อนโดยใช้เทคนิคการสแกนหรือตรวจ การเปลี่ยนแปลงเพื่อหาไวรัส ถ้าไม่มีปัญหาก็จะอนุญาตให้โปรแกรมนั้นขึ้นมาทำงานได้ นอกจากนี้โปรแกรมตรวจจับไวรัสบางตัวยังสามารถตรวจสอบขณะที่มีการคัดลอกไฟล์ ได้อีกด้วย
ข้อ ดีของวิธีนี้ คือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมใดขึ้นมา โปรแกรมนั้นจะถูกตรวจสอบก่อนทุกครั้งโดยอัตโนมัติ ซึ่งถ้าเป็นการใช้สแกนเนอร์จะสามารถทราบได้ว่าโปรแกรมใดติดไวรัสอยู่ ก็ต่อ เมื่อทำการเรียกสแกนเนอร์นั้นขึ้นมาทำงานก่อนเท่านั้น
ข้อเสียของโปรแกรมตรวจจับไวรัสแบบเฝ้าดูก็ คือ จะมีเวลาที่เสียไปสำหรับการตรวจหาไวรัสก่อนทุกครั้ง และเนื่องจากเป็นโปรแกรมแบบเรซิเดนท์หรือดีไวซ์ไดรเวอร์ จึงจำเป็นจะต้องใช้หน่วยความจำส่วนหนึ่งของเครื่องตลอดเวลาเพื่อทำงาน ทำให้หน่วยความจำในเครื่องเหลือน้อยลง และเช่นเดียวกับสแกนเนอร์ ก็คือ จำเป็นจะต้องมีการปรับปรุงฐานข้อมูลของไวรัสซิกเนเจอร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ

คำแนะนำและการป้องกันไวรัส

* สำรองไฟล์ข้อมูล ที่สำคัญ
* สำหรับเครื่องที่ มีฮาร์ดดิสก์ อย่าเรียกดอสจากฟลอปปีดิสก์
* ป้องกันการเขียน ให้กับฟลอปปีดิสก์
* อย่าเรียกโปรแกรม ที่ติดมากับดิสก์อื่น
* เสาะหาโปรแกรมตรวจ หาไวรัสที่ใหม่และมากกว่าหนึ่งโปรแกรมจากคนละบริษัท
* เรียกใช้โปรแกรม ตรวจหาไวรัสเป็นช่วงๆ
* เรียกใช้โปรแกรม ตรวจจับไวรัสแบบเฝ้าดูทุกครั้ง
* เลือกคัดลอกซอ ฟแวร์เฉพาะที่ถูกตรวจสอบแล้วในบีบีเอส
* สำรองข้อมูลที่ สำคัญของฮาร์ดิสก์ไปเก็บในฟลอปปีดิสก์
* เตรียมฟลอปปีดิสก์ ที่ไว้สำหรับให้เรียกดอสก์ขึ้นมาทำงานได้
* เืมื่อเครื่องติด ไวรัส ให้พยายามหาที่มาของไวรัสนั้น

การกำจัดไวรัส

เมื่อแน่ใจว่าเครื่องติดไวรัสแล้ว ให้ทำการแก้ไขด้วยความใคร่ครวญและระมัดระวังอย่างมาก เพราะบางครั้งตัวคนแก้เองจะเป็นตัวทำลายมากกว่าตัวไวรัสจริงๆ เสียอีก การฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ใหม่อีกครั้งก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดเสมอไป ยิ่งแย่ไปกว่านั้นถ้าทำไปโดยยังไม่ได้มีการสำรองข้อมูลขึ้นมาก่อน การแก้ไขนั้นถ้าผู้ใช้มีความรู้เกี่ยวกับไวรัสที่กำลังติดอยู่ว่าเป็นประเภท ใดก็จะช่วยได้อย่างมาก และข้อเสนอแนะต่อไปนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อท่าน

บูต เครื่องใหม่ทันทีที่ทราบว่าเครื่องติดไวรัส

เมื่อทราบว่าเครื่องติดไวรัส ให้ทำการบูตเครื่องใหม่ทันที โดยเรียกดอสขึ้น มาทำงานจากฟลอปปีดิสก์ที่ได้เตรียมไว้ เพราะถ้าไปเรียกดอสจากฮาร์ดดิสก์ เป็นไปได้ว่าตัวไวรัสอาจกลับเข้าไปในหน่วยความจำได้อีก เมื่อเสร็จขั้นตอนการเรียกดอสแล้ว ห้ามเรียกโปรแกรมใดๆ ก็ตามในดิสก์ที่ติดไวรัส เพราะไม่ทราบว่าโปรแกรมใดบ้างที่มีไวรัสติดอยู่

เรียกโปรแกรม ไวรัสขึ้นมาตรวจหาและทำลาย

ให้เรียกโปรแกรมตรวจจับไวรัส เพื่อตรวจสอบดูว่ามีโปรแกรมใดบ้างติดไวรัส ถ้าโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้อยู่สามารถกำจัดไวรัสตัวที่พบได้ก็ให้ลองทำดู แต่ก่อนหน้านี้ให้ทำการคัดลอกเพื่อสำรองโปรแกรมาที่ติดไวรัสไปเสียก่อน โดยโปรแกรมจัดการไวรัสบางโปรแกรมสามารถสั่งให้ทำสำรองโปรแกรมที่ติดไวรัสไป เป็นอีกชื่อหนึ่งก่อนที่จะกำจัดไวรัส เช่น MSAV ของดอสเอง เป็นต้น
การทำสำรองก็เพราะว่า เมื่อไวรัสถูกกำจัดออกจากโปรแกรมไป โปรแกรมนั้นอาจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติหรือทำงานไม่ได้เลยก็เป็นไปได้ วิธีการตรวจขั้นต้น คือ ให้ลองเปรียบเทียบขนาดของโปรแกรมหลังจากที่ถูกกำจัดไวรัสไปแล้วกับขนาดเดิม ถ้ามีขนาดน้อยกว่าแสดงว่าไม่สำเร็จ หากเป็นเช่นนั้นให้เอาโปรแกรมที่ติดไวรัสที่สำรองไว้ แล้วหาโปรแกรมจัดการไวรัสตัวอื่นมาใช้แทน แต่ถ้ามีขนาดมากกว่าหรือเท่ากับของเดิม เป็นไปได้ว่าการกำจัดไวรัสอาจสำเร็จ โดยอาจลองเรียกโปรแกรมตรวจหาไวรัสเพื่อทดสอบโปรแกรมอีกครั้ง
หากผลการตรวจสอบออกมาว่าปลอด เชื้อ ก็ให้ลองเรียกโปรแกรมที่ถูกกำจัดไวรัสไปนั้นขึ้นมาทดสอบการทำงานดูอย่าง ละเอียดว่าเป็นปกติดีอยู่หรือไม่อีกครั้ง ในช่วงดังกล่าวควรเก็บโปรแกรมนี้ที่สำรองไปขณะที่ติดไวรัสอยู่ไว้ เผื่อว่าภายหลังพบว่าโปรแกรมทำงานไม่เป็นไปตามปกติ ก็สามารถลองเรียกโปรแกรมจัดการไวรัสตัวอื่นขึ้นมากำจัดต่อไปในภายหลัง แต่ถ้าแน่ใจว่าโปรแกรมทำงานเป็นปกติดี ก็ทำการลบโปรแกรมสำรองที่ยังติดไวรัสอยู่ทิ้งไปทันที เป็นการป้องกันไม่ให้มีการเรียกขึ้นมาใช้งานภายหลังเพราะความบังเอิญได้

ที่มา : www.softwarepark.co.th / itcenter

สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

www.inwgame.com : คอเกมส์ อัพเดทข่าวสารเกมส์ใหม่ก่อนใครได้ที่นี่..

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปัญหาคีย์บอร์ดไม่ทำงานของ Ubuntu บน VMware

เนื่องจากผมได้ติดตั้งระบบปฏิบัติ Ubuntu X64 เวอร์ชัน 10.04 สำหรับ Desktop ผ่าน VMware เพื่อใช้ทดสอบโปรแกรมที่ทำงานบนลีนุกซ์ ตอนติดตั้งไม่พบปัญหาใดๆเลย แถมใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาทีก็เสร็จแล้ว ปรากฎว่าเมื่อติดตั้งระบบเสร็จแล้ว หลังจากรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ (ที่ถูกจำลองโดย VMWare) จะพบกับหน้าจอสำหรับ Log on ซึ่งเกิดปัญหาว่าคีย์บอร์ดมันไม่ทำงาน แล้วจะพิมพ์รหัสผ่านเพื่อเข้าใช้ระบบได้อย่างไรกันล่ะครับ ???

19-6-2553 2-16-41
รูปที่ 1 หน้าจอสำหรับการ Log on

เมื่อลองวิธีต่างๆจนมั่นใจแล้วว่าคีย์บอร์ดใช้ไม่ได้แน่ๆ ไม่ว่าจะรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ (จำลอง) หลายครั้ง เอาคีย์บอร์ดแบบ USB ภายนอกมาต่อเพิ่มแต่ก็ไม่ได้ผลครับ สุดท้ายเหลือบไปเห็นไอคอนมนุษย์ (น่าจะเกี่ยวกับผู้ใช้งาน) พอกดที่ไอคอนจะมีเมนู Universal Access Preferences

17-6-2553 23-06-11
รูปที่ 2 ไอคอนสำหรับปรับแต่ง Universal Access Preferences

พอเลือกเมนู Universal Access Preferences ระบบจะทำการเปิดหน้าต่างปรับแต่งการใช้งาน ให้เลือกที่หัวข้อ Use on-screen keyboard แปลว่าให้แสดงคีย์บอร์ดบนจอภาพด้วย ใช้แทนคีย์บอร์ดที่เป็นฮาร์ดแวร์ครับ

17-6-2553 23-07-06

รูปที่ 3 หน้าจอสำหรับปรับแต่ง Universal Access Preferences

จากนั้นรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เพื่อเข้าหน้าจอ Log on เช่นเดิมแต่คราวนี้จะได้คีย์บอร์ดบนจอภาพเป็นของแถมครับ ใช้เม้าส์สั่งงานได้ทันทีเลย

19-6-2553 2-34-33
รูปที่ 4 หน้าจอ Log on มาพร้อม On-screen keyboard

จบขั้นตอนแล้วครับ ใครที่ใช้โปรแกรม VMWare กับระบบปฏิบัติอื่นๆอยู่ขอให้สนุกกับการใช้โปรแกรมนะครับ

http://www.bananacode.net/archives/285


สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

HTML 5 Video

สืบเนื่องมากจากปัจจุบัน ไฟล์วิดีโอยอดนิยมที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ตนั้นคงไม่พ้นฟอร์แมต Flash Video FLV หรือ F4V นั่นเอง ซึ่งการที่เราจะสามารถเล่นไฟล์ Flash Video ได้นั้นก็ต้องใช้ระบบปฏิบัติการและเว็บเบราเซอร์ (Web Browser) ที่สนับสนุนการทำงานของ Adobe Flash Video ซึ่งโปรแกรม Adobe Flash Video Player นี้เป็นโปรแกรมประเภทปลั๊กอิน (Plug-in) ที่ลงเสริมเข้าไปเว็บเบราเซอร์ เมื่อเราเรียกดูเว็บเพจที่มีลิ้งค์ไฟล์ Flash Video อยู่ก็จะสามารถเล่นไฟล์ดังกล่าวผ่านเบราเซอร์ได้เลย ซึ่งอุปกรณ์บางประเภทจะมีปัญหาในการเล่น Flash Video เช่น iPhone และ iPad (ตอนนี้เห็นอยู่แว้บๆนะครับ ว่ามีการพอร์ต frash ซึ่งเป็นไลบรารีสำหรับเล่นไฟล์ Adobe Flash จาก Android มาใช้บน iPad ขอไปหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนครับ ถ้าน่าสนใจจะเอาลงมาเขียนบล็อกในครั้งต่อไปครับ)

กลับมาเข้าประเด็นของ entry นี้นะครับ ถ้าเราต้องการแสดงไฟล์วิดีโอที่มีสามารถทำงานได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลายจะ เลือกมาตรฐานแบบใดดี HTML5 Video เป็นตัวเลือกหนึ่งครับสำหรับการแก้ปัญหานี้ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีเว็บไซต์ที่เน้นการบริการไฟล์วิดีโออย่าง YouTube สนับสนุนทั้ง Adobe Flash และ HTML5 Video ครับ ซึ่ง HTML5 Video นั้นสนับสนุนไฟล์วิดีโอฟอร์แมตต่างๆ ได้แก่ WebM และ Ogg ที่แนะนำให้ใช้คือฟอร์แมต Ogg เพราะเข้าลักษณะ Royalty free open standard ซึ่งหมายถึงนักพัฒนาไม่เสี่ยงโดนฟ้องกรณีพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ความสามารถของ มาตรฐาน Ogg ครับ

ง่ายๆ ด้วย tag



1. src เป็นแอตทริบิวต์สำหรับระบุ URL ของไฟล์วิดีโอ ตัวอย่างโค้ดระบุไฟล์ฟอร์แมต MP4
2. controls ระบุให้แสดงคอนโทรลหรือปุ่มควบคุมการเล่นไฟล์วิดีโอ
3. ข้อความที่อยู่ระหว่างแท็กซ์เปิดและปิด () สำหรับแสดงข้อความกรณีที่เว็บเบราเซอร์ไม่สามารถแสดงผลได้

การแสดงผลบน iPad

การแสดงผล บน iPad

ตัวอย่างของการแสดงผลจะอยู่ที่ด้านบนของ entry แล้วนะครับ จะเป็นว่าวิธีการเขียนนั้นเรียบง่ายและคล้ายกับการเรียกใช้แท็กซ์ img ที่ใช้ทำลิ้งค์ภาพเลยนะครับ

http://www.bananacode.net/archives/381


สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

Router คืออะไร

Router
Router เป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อนกว่า Bridge โดยทำงานเสมือนเป็นเครื่องหรือ node หนึ่งใน LAN ซึ่งจะทำหน้าที่รับข้อมูลเข้ามาแล้วส่งต่อไปยังปลายทาง โดยอาจส่งในรูปแบบของ packet ที่ต่างออกไป เพื่อไปผ่านสายสัญญาณแบบอื่นๆ เช่น สายโทรศัพท์ที่ต่อผ่านโมเด็มก็ได้ ดังนั้นจึงอาจใช้ Router ในการเชื่อมต่อ LAN หลายแบบเข้าด้วยกันผ่าน WAN ได้ด้วย และเนื่องจากการที่มันทำตัวเสมือนเป็น node หนึ่งใน LAN นี้ยังทำให้มันสามารถทำงานอื่นๆได้อีกมาก เช่น รวบรวมข้อมูลเพื่อหาเส้นทางที่ดที่สุดในการส่งข้อมูลต่อหรือตรวจสอบข้อมูล ที่เข้ามานั้นมาจากไหน ควรจะให้ผ่านหรือไม่ เพื่อช่วยในเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย

การทำงานของ Router
สิ่ง ที่แตกต่างกันระหว่าง Bridge กับ Router คือ Bridge ทำงานในระดับ Data Link Layer คือจะใช้ข้อมูล station address ในการทำงานส่งข้อมูลไปยังที่ใดๆ ซึ่งหมายเลข station address นี้มีการกำหนดมาจากฮาร์ดแวร์หรือที่ส่วนของ Network Interface Card (NIC) และถูกกำหนดมาเฉพาะตัวจากโรงงานไม่ให้ซ้ำกัน ถ้ามีการเปลี่ยน NIC นี้ไป ก็จำทำให้ station address เปลี่ยนไปด้วย ส่วน Network Layer address ในกการส่งผ่านข้อมูลโปรโตคอลของเครือข่ายชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น IPX, TCP/IP หรือ AppleTalk ซึ่งจะเป็นโปรโตคอลที่ทำงานใน Network Layer การกำหนด Network address ทำได้โดยผู้ดูแลระบบเครือข่ายนั้น ทำให้สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และสามารถใช้อุปกรณ์ Router เชื่อมโยงเครือข่ายที่แยกจากกันให้สามารถส่งผ่านข้อมูลร่วมกันได้และทำให้ เครือข่ายขยายออกไปได้เรื่อยๆ
หน้าที่หลักของ Router คือการหาเส้นทางในการส่งผ่านข้อมูลที่ดีที่สุด และเป็นตัวกลางในการส่งต่อข้อมูลไปยังเครือข่ายอื่น ทั้งนี้ Router สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายที่ใช้สื่อสัญญาณหลายแบบแตกต่างกันได้ไม่ว่าจะเป็น Ethernet, Token Rink หรือ FDDI ทั้งๆที่ในแต่ละระบบจะมี packet เป็นรูปแบบของตนเองซึ่งแตกต่างกัน โดยโปรโตคอลที่ทำงานในระดับบนหรือ Layer 3 ขึ้นไปเช่น IP, IPX หรือ AppleTalk เมื่อมีการส่งข้อมูลก็จะบรรจุข้อมูลนั้นเป็น packet ในรูปแบบของ Layer 2 คือ Data Link Layer เมื่อ Router ได้รับข้อมูลมาก็จะตรวจดูใน packet เพื่อจะทราบว่าใช้โปรโตคอลแบบใด จากนั้นก็จะตรวจดูเส้นทางส่งข้อมูลจากตาราง Routing Table ว่าจะต้องส่งข้อมูลนี้ไปยังเครือข่ายใดจึงจะต่อไปถึงปลายทางได้ แล้วจึงบรรจุข้อมูลลงเป็น packet ของ Data Link Layer ที่ถูกต้องอีกครั้ง เพื่อส่งต่อไปยังเครือข่ายปลายทาง

สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

รู้จัก กับ ระบบ LAN

ใน ปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานในหน่วยงานต่าง ๆ มากมาย ซึ่งการนำคอมพิวเตอร์เข้ามานี้เป็นส่วนช่วยให้การทำงานในหน่วยงานต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ และสามารถพัฒนาการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้นี้ในหน่วยงานต่าง ๆ ก็เริ่มมีการพัฒนาขึ้นแทนที่จะใช้ในลักษณะหนึ่งเครื่องต่อหนึ่งคน ก็ให้มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ และข้อมูลต่าง ๆ ร่วมกัน โดยนำคอมพิวเตอร์มาต่อเชื่อมกัน ซึ่งเราเรียกสิ่งนี้ว่า "ระบบแลน" ความจริงระบบแลนนี้ก็ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกใหม่อะไร เพราะถูกนำมาใช้งานเป็นเวลานานแล้ว แต่จะจำกัดการใช้งานอยู่เฉพาะในกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น แต่ในปัจจุบันระบบแลนถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ดังนั้นการใช้งานในระบบแลนซึ่งมีผู้ใช้มากขึ้น จำเป็นจะต้องมีการจัดระบบการใช้งาน และผู้ใช้จำเป็นจะต้องมีความรู้ในระบบแลนที่ตนเองใช้อยู่พอสมควร ซึ่งระบบแลนที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย และทั่วโลก คือ ระบบแลนของเน็ตแวร์ (NetWare)
ในรายงานเล่มนี้จะอธิบายเกี่ยวกับระบบแลนและวิธีการเชื่อมโยง เครือข่ายระบบแลนโดยจะกล่าวถึง ความหมาย วัตถุประสงค์ ผลที่ได้จากการทำงานและแนวโน้มในอนาคต รวมทั้งซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบแลน
หลังจากที่ได้ศึกษาค้นคว้าเพื่อการนำเสนอรายงานฉบับนี้แล้ว ผู้เขียนได้รับความรู้ และ ความเข้าใจของการทำงานของเครือข่าย LAN โอกาศนี้ขอขอบพระคุณห้องสมุดของ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพฯ ที่ได้ให้ความสะดวกในการศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของ รายงานฉบับนี้จนลุล่วงไปด้วยดี
ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้มีการนำมาใช้งานอย่างกว้างขวาง ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันแล้ว ก็ได้ แต่การใช้งานคอมพิวเตอร์ ในลักษณะ Stand Alone หรือการใช้งานคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้หนึ่งคนหนึ่งคนต่อเครื่องหนึ่งเครื่อง ก็ยังพบปัญหาต่างๆ อยู่ เช่น ราคาของเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ มีราคาแพง การใช้ข้อมูลไม่สวามารถใช้ร่วมกันได้ ฯลฯ ดังนั้นจึงมีความคิดที่จะนำคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องมาต่อเพื่อใช้งานร่วมกัน ซึ่งจะทำให้สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาะมากขึ้น และยังเป็นการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ผู้ใช้ประสบอยู่
การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเป็นระบบเครือข่ายเน็ต เวิร์ก จึงมีการนำมาใช้กันมากขึ้นซึ่งจะแบ่งได้เป็น 3 ระบบ คือ ระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์คกระยะไกล (Wide Area Network หรือ WAN) ระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์คกระยะกลาง (Metropolitan Area Network หรือ MAN) และระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์คระยะใกล้ (Local Area Network หรือ LAN) ในที่นี้จะกล่าวถึงระบบ LAN เพียงระบบเดียว ซึ่งระบบนี้เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น ตามอาคารสำนักงานทั่วไป หรือหน่วยงานราชการต่าง ๆ เป็นต้น ระบบเน็ตเวิร์คระยะใกล้ หรือ LAN สามารถติดตั้งได้ง่าย ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง มีข้อผิดพลาดน้อย และลงทุนน้อยกว่าระบบเน็ตเวิร์ค ระยะไกล และ ระยะกลาง ซึ่งทั้ง 2ระบบจะต้องลงทุนสูงเนื่องจากเป็นระบบใหญ่ใช้ติดต่อกันในระดับประเทศเช่น การสื่อสารระหว่างประเทศ เป็นต้น 1. ความหมายของระบบ LAN
ย่อมาจาก Local Aria Network ซึ่งแปลได้ว่า “ระบบเครือข่ายขนาดเล็ก” ที่ต้องประกอบด้วย Server และ Client โดยจะต้องมีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการและผู้ใช้โดยที่ผู้ให้บริการซึ่งเป็น Server นั้น จะเป็นผู้ควบคุมระบบว่าจะให้การทำให้การทำงานเป็นเช่นไร และในส่วนของ Server เองจะต้องเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสถานะภาพสูง เช่นทำงานเร็ว สามารถอ้างหน่วยความจำได้มาก มีระดับการประมวลผลที่ดี และจะต้องเป็นเครื่องที่จะต้องมีระยะการทำงานที่ยาวนาน เพราะว่า Server จะถูกเปิดให้ทำงานอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง

2. วัตถุประสงค์ของระบบ LAN
ระบบ LAN ซึ่งเป็นระบบเครือข่ายแบบหนึ่งที่นิยมใช้กันในวงที่ไม่ใหญ่โตนัก โดยจะมีคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ต่อเข้าเพื่อขอใช้บริการ ดังนั้นในระบบ LAN จึงเป็นลักษณะที่ผู้ใช้หลายบุคคลมาใช้ข้อมูลร่วมกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่างๆ ตามหัวข้อต่อไปนี้
    1. แบ่งการใช้แฟ้มข้อมูล
    2. ปรับปรุงและจักการแฟ้มข้อมูลได้ง่าย
    3. แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกันได้สะดวกรวดเร็วขึ้น
    4. สามารถใช้แฟ้มข้อมูลที่อยู่ห่างไกลได้อย่างรวดเร็ว
    5. การแบ่งปันการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องพิมพ์ โมเด็ม CD-ROM ฯลฯ
    6. การแบ่งปันการใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์
    7. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
    8. ควบคุมและดูแลรักษาข้อมูลได้ง่าย
    9. สามารถรวมกลุ่มผู้ใช้ ข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว
    10. เพื่อการติดต่อสื่อสาร ของผู้ใช้เช่น บริการ Email ,Talk ฯลฯ
ดังนั้น ระบบ LAN จึงเป็นที่นิยมกันในส่วนของ บริษัท สถานศึกษา และหน่วยงาน ต่างๆ มากมาย ซึ่งจะให้ผลที่คุ้มค่าในระยะยาวนาน

3. การเชื่อมโยง เครือข่ายของระบบ LAN
มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงเพียง โครงข่ายของระบบเครือข่าย (Topology) และ โพรโตคอล ที่ใช้ในระบบ LAN และจะกล่าวถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ LAN และซอฟต์แวร์ ที่ใช้ในระบบ LAN มีดังต่อไปนี้
    3.1 โครงข่ายของระบบเครือข่าย(Topology)
    3.2 โพรโตคอลที่ใช้ในระบบ LAN
    3.3 อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ LAN
    3.4 ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบ LAN
    3.1 โครงข่ายของระบบเครือข่าย (Topology)
    เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายของระบบ LAN วิธีหนึ่ง ซึ่งนิยมใช้กันแพร่หลายสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน คือ
      3.1.1 แบบดาว (Star)
      3.1.2 แบบวงแหวน (Ring)
      3.1.3 แบบบัส และ ทรี (Bus and Tree)

      3.1.1 แบบดาว (Star)
      ในโทโปโลยี แบบดาว นั้นจะเป็นลักษณะของการต่อเครือข่ายที่ Work station แต่ละตัวต่อรวมเข้าสู่ศูนย์กลางสวิตซ์ เพื่อสลับตำแหน่งของเส้นทางของข้อมูลใด ๆ ในระบบ ดังนั้นใน โทโปโลยี แบบดาว คอมพิวเตอร์จะติดต่อกันได้ใน 1 ครั้ง ต่อ 1 คู่สถานีเท่านั้น เมื่อสถานีใดต้องการส่งข้องมูลมันจะส่งข้อมูลไปยังศูนย์กลางสวิทซ์ก่อน เพื่อบอกให้ศูนย์กลาง สวิตซ์มันสลับตำแหน่งของคู่สถานีไปยังสถานีที่ต้องการติดต่อด้วย ดังนั้นข้อมูลจึงไม่เกิดการชนกันเอง ทำให้การสื่อสารได้รวดเร็วเมื่อสถานีใดสถานีหนึ่งเสีย ทั้งระบบจึงยังคงใช้งานได้ ในการค้นหาข้อบกพร่องจุดเสียต่างๆ จึงหาได้ง่ายตามไปด้วย แต่ก็มีข้อเสียที่ว่าต้องใช้งบประมาณสูงในการติดตั้งครั้งแรก

      3.1.2 แบบวงแหวน (Ring)
      ในโทโปโลยี(รูปแบบการเชื่อมต่อ) แบบวงแหวน(Ring) นั้น ได้ถูกออกแบบให้ใช้ Media Access Units (MAU) ต่อรวมกันแบบเรียงลำดับเป็นวงแหวน แล้วจึงต่อ คอมพิวเตอร์ (PC) ที่เป็น Workstation หรือ Server เข้ากับ MAU ใน MAU 1 ตัวจะสามารถต่อออกไปได้ถึง 8 สถานี เมื่อสถานีถัดไปนั้นรับรู้ว่าต้องรับข้อมูล แล้วมันจึงส่งข้อมูลกลับ เป็นการตอบรับ เมื่อสถานีที่จะส่งข้อมูลได้รัยสัญญาณตอบรับ แล้วมันจึงส่งข้อมูลครั้งแรก แล้วมันจะลบข้อมูลออกจากระบบ เพื่อให้ได้ใช้ข้อมูลอื่นๆ ต่อไป ดังนั้นทุกสถานีบน โทโปโลยี วงแหวนจะได้ทำงานทั้งหมดซึ่งจะคอยเป็นผู้รับและผู้ส่งแล้วยังเป็นรีพีทเตอร์ ในตัวอีกด้วย ข้อมูลที่ผ่านไปแต่ละสถานี นั้น ข้อมูลที่เป็นตำแหน่งที่อยู่ตรงกับ สถานีใด สถานีนั้นจะรับข้อมูลเก็บไว้ แต่มันจะไม่ลบข้อมูลออกจากระบบ มันยังคงส่งข้อมูลต่อไป ดังนั้นผู้ส่งข้อมูลครั้งแรกเท่านั้นที่จะเป็นผู้ลบข้อมูลออกจากระบบ ครั้นเมื่อสถานีส่ง TOKEN มาถามสถานีถัดไปแล้วแต่กลับไม่ได้รับคำตอบ สถานีส่ง TOKEN จะทวนซ้ำข้อมูลเป็นครั้งที่สอง ถ้ายังคงไม่ได้รับคำตอบ จึงส่งข้อมูลออกไปได้ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาที่ไม่ให้ระบบหยุดชะงักการทำงานลงของระบบ เนื่องจากสถานีหนึ่งเกิดการเสียหาย หรือชำรุด ระบบจึงยังคงสามารถทำงานต่อไปได้

      3.1.3 แบบบัส (Bus)
      ในโทโปโลยี แบบบัส และทรี (Bus and Tree) นั้นได้มีการทำงานที่คล้ายกันกล่าวคือ แบบบัส จะมีเคเบิลต่อถึงกันแบบขนาน ของแต่ละโหนด ส่วนแบบทรีนั้น จะมีการต่อแยกออกเป็นสาขาออกไปจากเคเบิลที่ใช้แบบบัสนั้นเอง ดังนั้นเมื่อมีการส่งข้อมูลจากโหนดใดทุกๆ โหนดบนระบบข้อมูลจะเข้าถึงได้ เนื่องจากอยู่บนเส้นทางสื่อสารเดียวกัน ในการส่งข้อมูลนั้น จะส่งเป็นเฟรม ข้อมูลซึ่งจะมีที่อยู่ของผู้รับติดไปด้วย เมื่อที่อยู่ผู้รับตรงกับ ตำแหน่งของโหนดใดๆ บนระบบ โหนดนี้จะรับข้อมูลเข้าไป และส่งข้อมูลมาพร้อมกันนั้นจะเกิดการชนกันของข้อมูล แล้วจะสุ่มเวลาขึ้นใหม่เพื่อส่งข้อมูลต่อไป ในการสื่อสารตามมาตรฐาน 802.4 นั้นมีด้วยกัน 3 แบบคือ แบบที่ 1 มีความเร็ว 1 Mbps ใช้สายข้อมูลแบบโคแอกเชียล 75 โอห์ม และสายเคเบิลหลักจะต้องไม่มีการต่อแยกแขนงออกไป ในแบบที่ 2 ซึ่งเรียกกันว่าแบบเบสแบนด์นั้นจะมีความเร็ว 5-10 Mbps ใช้สายแบบเดียวกับแบบที่ 1 แต่สัญญาณภายในจะเข้ารหัสแบบ FSK และแบบที่ 3 หรือ แบบบรอดแบนด์ จะใช้สายทรังก์ ซึ่งสามารถใช้ได้กับความเร็ว 1,5 และ 10 Mbps ซึ่งสัญญาณภายในสายจะเป็นแบบ AM นั้นเอง

    3.2 โพรโตคอลที่ใช้ในระบบ LAN
    โพรโตคอล คือรูปแบบของการสื่อสารของเครือข่าย คอมพิวเตอร์ ที่ทำให้ Software มีความเข้ากันได้กับ Hardware โพรโตคอลนั้นได้ถูกกำหนดให้เป็นมาตรฐานโดย ISO ซึ่งเป็นโมเดลแบ่งออกได้ 7 ระดับคือ PHYSICAL, DATALINK, NETWORK, TRANSPORT, SESSION, PHESENTA และ APPLICATION ตามลำดับ ในระบบ LAN นั้นจะใช้เพียงสองระดับล่างเท่านั้น เนื่องจากว่า LAN สามารถใช้ได้กับ โทโปโลยี ได้หลายแบบนั้นเอง จึงไม่ได้ใช้ระดับที่ 3 ขึ้นไป ในระดับที่ 1 นั้นเป็นระดับที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลเป็นบิต เกี่ยวข้องกับระดับแรงกันไฟฟ้า ความถี่ และคาบเวลา ต่างๆ ส่วนระดับที่ 2 นั้นเป็นระดับการแปลงข้อมูลเป็นบล็อก และเฟรม พร้อมทั้งตรวจสอบข้อผิดพลาดด้วย โพรโตคอลที่ใช้กันมากในระบบ LAN นั้นมีอยู่ 2 แบบคือโพรโตคอล แบบโทเก้นบัส และโพรโตคอลแบบ CSMA/CD เป็นต้น
    3.3 อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ LAN
    ในระบบ LAN อุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมโยงนั้นมีไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการใช้เพื่อต่อเชื่อมโยงเครือข่ายเท่านั้น ดังนั้นอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ LAN จะสามารถแบ่งออกเป็น 2 อย่างโดยทั่วๆ ไปดังนี้
      3.3.1 สายนำสัญญาณ
      3.3.2 อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ LAN

      3.3.1 สายนำสัญญาณ
      สายนำสัญญาณ นับถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบเครือข่ายที่ทำให้ คอมพิวเตอร์ มีการติดต่อสื่อสารกันในระยะทางที่ไกล สายนำสัญญาณ นั้นมีหลายชนิด มากมายในปัจจุบัน สามารถจำแนกได้ตามคุณสมบัติของสาย สภาพการใช้งาน และความเหมาะสมการใช้งาน สายนำสัญญาณที่ใช้ในระบบ LAN นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นลักษณะต่างๆ คือ สายสัญญาณแบบคู่บิดเกลียว ยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นชนิด UTP (Unshield Twisted Pair) เป็นสายคู่บิดเกลียว 4 คู่ใช้ยาวไม่เกิน 100 เมตร สายที่ใช้ แบคโบน นั้น เป็นสายขนาด 25 คู่สายในมัดเดียว รองรับการสื่อสารได้สูงถึง 100 Mbps และ ประเภทที่ 2 ชนิด STP (Shield Twisted Piar) เป็นสายพัฒนามาจากสาย UTP โดยมีชีลด์ห่อหุ้มภายนอก ใช้ข้อมูลการสื่อสารได้ 100 Mbps สาย STP ที่เป็นแบคโบน นี้เป็นสายที่ออกแบบมาให้ไปได้ระยะทางที่ไกลขึ้น สายโคแอกเชียล เป็นอีกประเภทหนึ่งที่ใช้กันมากเป็นสายนำสัญญาญที่ป้องกันสัญญาณรบกวนได้มาก ทีเดียว สายชนิดนี้ในระบบบัส และใช้เดินระยะใกล้ๆ และ เส้นใยแก้วนำ แสง เป็นสายที่ใช้คลื่นแสง 500 nM-1300nM ส่งผ่านไปยังตัวกลางใยแก้ว ซึ่งจะสะท้อนกลับภายใน ทำให้มีการสูญเสียของสัญญาณน้อยมาก ทำให้ได้ระยะทางที่ไกลขึ้นขณะที่ใช้กำลังส่งที่น้อยและมีสัญญาณรบกวนที่น้อย มาก เมื่อเทียบกับ สายนำสัญญาณชนิดอื่นๆ สายชนิดเส้นใยแก้วนำแสงนี้มักใช้เป็นแบคโบน โดยจะรองรับการสื่อสารได้สูงถึง 800 Mbps หรือมากกว่า แล้วแต่ล่ะชนิดที่นำมาใช้

      3.3.2 อุปกรณ์ที่ใช้ต่อระหว่างเครือข่าย
      อุปกรณ์ที่ใช้ต่อระหว่างเครือข่ายนั้นมีด้วยกันมากมาย ด้วยคุณลักษณะของการใช้งาน แบบต่างๆ และยังคงได้รับการพัฒนาขึ้นอยู่ตลอดเวลา อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ LAN นั้นได้ยกตัวอย่างที่ พบกันมากดังต่อไปนี้ แผ่นการ์ดเครือข่าย เป็นแผ่นอินเตอร์เฟสสำหรับคอมพิวเตอร์ หรือแผ่นการ์ด NIC มีคุณสมบัติต่างที่ขึ้นอยู่กับชนิดของเครือข่าย และชนิดของคอมพิวเตอร์ อีกด้วย ฮับ (HUP) เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงระหว่างสายตามมาตรฐาน 802.3 นั้นใช้เชื่อมโยงในโทโปโลยี แบบสตาร์ ใช้สาย UTP ยาวไม่เกิน 100 เมตร และยังสามารถขยาย PORT ได้มาก ดีรอมเซิร์ฟเวอร์ (CD-ROM Server) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในเครือข่ายเช่นเดียวกัน เพื่อใช้แบ่งปันการใช้ข้อมูลต่างๆ ใน CD-ROM เอง รีพีตเตอร์ (Repeater)เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต่อระหว่างเครือข่าย เพื่อช่วยให้ขยายสัญญาณให้สูงขึ้น ทำให้ส่งข้อมูลหรือสื่อสาร ข้อมูลได้ไกลขึ้นนั้นเอง บริดจ์ (Bridge) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต่อระหว่างระบบ โดยที่ บริดจ์ มีอยู่ 2 ลักษณะด้วยกันคือแบบ Internal Bridge และแบบ External Bridge เก ตเวย์ (Gateway) เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานคล้ายกัย Bridge แต่จะใช้เชื่อมต่อกับระบบที่ใหญ่กว่ามีประสิทธิภาพที่สูงกว่า และความเร็วที่สูงกว่า และ เราเตอร์ (Router) เป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่เชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย ที่มีมากกว่า หนึ่งเซกเมนต์ เพื่อกำหนดเส้นทางข้อมูลได้มากขึ้น ต่อไป

    3.4 ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบ LAN
    คือ ระบบปฏิบัติการเครือข่ายประกอบด้วย ซอฟต์แวร์ สามส่วนผลิตภัณฑ์บางชนิด รวมสามส่วนไว้ในโปรแกรมเดียว บางชนิดก็ซับซ้อนกว่า แบ่งงานออกเป็นโมดูล ลายตัว ส่วนแรกเป็นส่วนประกอบอยู่ในระดับล่างสุด กับหน้าที่จัดเตรียมและดูแลการเชื่อมต่อให้คงอยู่ ซอฟต์แวร์ส่วนนี้ ประกอบด้วยโปรแกรม ไดรเวอร์ สำหรับเน็ตเวิร์คอแดปเตอร์ ส่วนที่เหลืออีกสองส่วนหนึ่งคือส่วนที่อยู่ในสถานีงานจะสร้างข่าวสาร การร้องขอ และส่งไปยังไฟล์เซิร์ฟเวอร์ ส่วนซอฟต์แวร์ ที่ใช้ในระบบ LAN จากดาวถึง 2 โปรแกรม คือ Corbon Copy และ PC Anywhere โดยจะได้อธิบายถึงการทำงานและความสามารถของมัน Corbon Copy นั้นใช้งาน Novell LX และ NetBEUI ส่วน PC Anywhere เวอร์ชัน 4.5 ของบริษัท Norton นั้นเป็นภาพที่ทำงานด้วยเมนู มีการตรวจวิเคราะห์ Hard ware ที่คงอยู่ ลักษณะการทำงานส่วนใหญ่ของโปรแกรมซึ่งจะเกี่ยวกับ การใช้ Hard disk เมื่อเวิร์กสเตชัน ต้องการใช้ข้อมูล ก็ส่งคำสั่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ เพื่อส่งให้ เซิร์ฟเวอร์ทำงาน แต่ในทางปฏิบัติงาน NetWare กระบวนการในการลำดับงานไม่สามารถกำหนดระดับ ความสามารถ ของงานได้ ดังนั้น งานที่มีการใช้งาน Hard disk มากๆ จะมีผลทำให้ การบริการกับงานอื่นๆ ช้าลงอย่างชัดเจน โปรแกรมที่เหมาะกับระบบ LAN ก็คือ ระบบงานที่ในลักษณะ Client Server ซึ่งจะเป็นการทำงานที่สมบูรณ์ที่สุด

4. ผลที่ได้จากการทำงานของระบบ LAN
การจัดการแฟ้มข้อมูล (File managent) เป็นการแบ่งใช้แฟ้มข้อมูล (Share file) และสอบถามแฟ้มข้อมูล (Transfer file) การใช้โปรแกรมร่วมกัน (Share application)การใช้อุปกรณ์ภายนอกร่วมกัน (Share Peripheral devices) เป็นเครื่องพิมพ์, ซีดีรอม, เครื่องสแกน,โมเด็มและเครื่องอ่านเขียนเทป และติดต่อกับผู้ใช้คนอื่น ๆ ในเน็ตเวิร์คเป็นค่าตารางเวลาของกลุ่ม (Group Scheduling)รับ และส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จัดการประชุมแบบอิเล็กทรอนิกส์ และเล่นเกมแบบเน็ตเวิร์ค และผลที่ได้จากระบบแลนนี้จะสามารถทำทุกอย่างทัดเทียมกับเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ หรือมินิคอมพิวเตอร์ในราคาที่ต่ำกว่า ผู้ใช้สามารถแบ่งปันทรัพยากร และสารสนเทศของคอมพิวเตอร์ และพวกเขายังสามารถทำงานรวมกันในโครงการหรืองานที่ต้องมีการประสานงาน และการติดต่อสื่อสาร แม้จะไม่ได้อยู่บริเวณใกล้กันก็ตาม นอกจากนี้ถ้าเครือข่ายเกิดขัดข้อง คุณก็ยังคงทำงานต่อไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ของเขาถ้าเกิดการผิดปกติจะทำให้ งานในแผนกหรือบริษัทของเขาหยุดชะงัก แต่แลนสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ คือ
  1. แบ่งปันการใช้ไฟล์โดยการสามารถใช้ข้อมูลเดียวกันถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆตัวได้
  2. การโอนย้ายไฟล์ โดยการโอนสำเนาจากเครื่องหนึ่งไปยังเครื่องหนึ่งโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนดิส เกตต์
  3. เข้าถึงข้อมูล และไฟล์ โดยการจะให้ใครก็ได้ ใช้งานซอฟต์แวร์บัญชี หรือ แอปพลิเคชั่นแลน ทำให้คนสองคนใช้โปรแกรมชุดเดียวกันได้
  4. การป้องกันการป้อนข้อมูลเข้าในแอปพลิเคชั่นพร้อมกัน
  5. แบ่งปันการใช้เครื่องพิมพ์ โดยการใช้แลน เครื่องพิมพ์ก็จะถูกแบ่งปันการใช้ตามสถานีหลาย ๆเครื่องถ้าทั้งหมดที่ต้องการคือ การใช้ Printerร่วมกัน

5. แนวโน้มในอนาคตของระบบ LAN
แนวโน้มในอนาคตของระบบ LAN ต่อไปนี้สิ่งที่คุณควรทราบระบบปฏิบัติการแลนหลัก ๆ ล้วนแต่เร็วพอสำหรับความต้องการใด ๆ ในทางปฏิบัติขององค์การ ความเร็วเป็นเพียงปัจจัยส่วนน้อยในการเลือกระบบปฏิบัติการเครือข่าย ระบบปฏิบัติการกำลังมีความเข้ากันได้และทำงานได้มากขึ้น Net Ware ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดและห่างจากคู่แข่งมาก Windows NT ของ Microsoft เป็นผู้ท้าชิงที่น่ากลัวสำหรับ Net Were ผลิตภัณฑ์บนฐานของ Dos เช่น LANtastic และ POWERlan มีอนาคตที่ไม่สดใส เนื่องจากการทำเครือข่ายถูกสร้างไว้ใน Microsoft Windowsขนาดของตลาด และศักยภาพในการทำกำไรทำให้การแข่งขันระหว่างผู้ค้าระบบปฏิบัติการแลนเป็นไป อย่างดุเดือด Novell ผู้ซึ่งครอบส่วนแบ่งตลาด 70 เปอร์เซ็นต์ของเครือข่ายสำหรับพิธี ไม่ใช้ผู้เล่นเพียงคนเดียวอีกต่อไป แม้ว่าบริษัทที่ขายระบบปฏิบัติการเครือข่ายอื่นยังไม่สามารถแย่งส่วนแบ่ง ตลาดจาก Novell ได้มากนักทุกรายก็กำลังทุ่มเทเงินให้กับทำการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตน เองโดยมี Microsoft เป็นผู้นำ
ในปี 1989 ผู้ค้าระบบปฏิบัติการเครือข่าย ได้เติมเชื้อเพลิงให้กับการเติบโตของเครือข่ายด้วยการประกาศและส่งมอบ ผลิตภัณฑ์ที่ทำตามมาตรฐานเปิดเทนโปรโตดอลเฉพาะตัว ATOT, Digital และ 3COM นำอุตสาหกรรมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถในการทำงานร่วมกันตามมาตรฐานเปิด แทนที่จะต้องลงบันทึกเข้าและควบคุมแต่ละบัญชีด้วยมาตรฐานการสื่อสารเฉพาะตัว พวกเขาล่อใจผู้ซื้อด้วยซอฟต์แวร์ที่ทำงานตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับใน ระดับชาติและนานาชาติในทศวรรษ 1990 บริษัทในตลาดที่ยังคงให้ผู้ซื้อด้วยความเข้าใจกันและความสามารถในการทำงาน ร่วมกันเพิ่มขึ้น แนวโน้มนี้ไปไกลจนกระทั่งเดี๋ยวนี้บริษัทไม่เพียงสนับสนุนมาตรฐานเปิดเท่า นั้น พวกเขายังส่งซอฟต์แวร์สำหรับโพรโตคอล เฉพาะตัวของกันและกัน Microsoft ได้ยอมรับเอาโพรโตคอล IPX ของ Novell เป็นโพรโตคอลเครือข่ายโดยปริยายสำหรับ Windows NT Performance Technology และ Artisoft ได้กลายเป็นไดล์เอนต์สำหรับระบบปฏิบัติการเครือข่ายทุกตัว และ Novell กำลังรุกไล่การเชื่อมต่อของ UNIX
ในทางปฏิบัติ การสนับสนุนหลายโพรโตคอลหมายความว่า ผู้บริหารสามารถปรับแต่งพีซีบนเครือข่ายเพื่อให้ไดร์ฟ F: ของ Dos เป็นไฟล์เซิร์ฟเวอร์ของแต่ละเครื่อง ความสามารถนี้มีให้ใช้แล้วในปัจจุบัน แต่ล้วนประกอบต่าง ๆ ต้องถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างระมัดระวัง
ความสามารถในการทำงานร่วมกันและความยืดหยุ่นที่ปรับปรุงขึ้นเป็น เป้าหมายหลักทางการตลาดและทางเทคโนโลยี สำหรับบริษัทซอฟต์แวร์เครือข่ายในกลางทศวรรษ 90 เช่นเดียวกับที่คุณสามารถผสมอแดปเตอร์ Ethernet จากผู้ค้าต่างกันได้ คุณจะสามารถผสมส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการต่าง ๆ และเชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการต่าง ๆ และเชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการต่าง ๆ และเชื่อมโยงที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการต่างกันบนเครือข่ายเดียวกัน ทุกตัวให้บริการแก่ไคลเอนต์เดียวกัน
ในปัจจุบันนี้ ระบบเครือข่ายแลนได้เป็นที่รู้จัก และนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายตาม office ของบริษัทต่าง ๆ เพื่อประหยัดในการลงทุนซื้อเครื่องปริ้นเตอร์, ซีดีรอม, โมเด็ม, เครื่องโทรสาร และรวมไปถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะสามารถแบ่งปันกันใช้ได้ บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบแลน ต่างก็แข่งขันกันในตลาดคอมพิวเตอร์ต่างก็พัฒนาให้มีคุณภาพ และประสิทธิภาพให้ดีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เราก็ควรจะรู้จัก และเข้าใจในระบบแลนให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะติดตั้งระบบแลนเองบ้าง เพื่อจะได้คุณภาพ และประสิทธิภาพตามที่เราต้องการ

http://www.yupparaj.ac.th/CAI/Network/introlan.htm#1

สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

Fiber Optic คืออะไร

Fiber Optic cable

Fiber Optic คือ สายสัญญาณของระบบเครือข่ายอีกชนิดหนึ่ง ที่มีความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณได้ไกลๆ เป็นกิโลเมตร และมีการสูญเสียของสัญญาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับสายแลนทั่วๆ ไป (CAT5, CAT5e, CAT6, CAT7 เป็นต้น)?Fiber Optic เรียกเป็นภาษาไทยว่า "เส้นใยแก้วนำแสง"

คุณสมบัติของ Fiber Optic

  • Fiber Optic ภายในทำจากแก้วที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก
  • มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเท่าเส้นผมของคนเรา
  • รับส่งสัญญาณได้ระยะไกลมากเป็นกิโลเมตร
  • ต้องใช้ผู้ชำนาญ และเครื่องมือเฉพาะในการเข้าหัวสัญญาณ
  • ราคาแพงหลายเท่า เมื่อเทียบกับสายแลนประเภท CAT5

Fiber Optic แบ่งออกได้ 2 ประเภท

  • เส้นใยแก้วนำแสงชนิดโหมดเดี่ยว (Singlemode Optical Fibers, SM)
  • เส้นใยแก้วนำแสงชนิดหลายโหมด (Multimode Optical Fibers, MM)

การนำไปใช้งานของ Fiber Optic

  • ตึกสูงๆ ที่ต้องการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย ทำเป็น Backbone (สายรับส่งสัญญาณข้อมูลหลัก)
  • ระบบการรับส่งสัญญาณภาพ วีดีโอ ตามพื้นที่ต่างๆ
  • การเชื่อมต่อสัญญาณระยะไกล
  • และอื่นๆ อีกมากมาย
http://www.it-guides.com/index.php/training-a-tutorial/network-system/804-what-is-fiber-optic


สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

Wireless LAN คืออะไร

แลนไร้สายหรือ ไวเลสแลน (Wireless LAN, WLAN) คือระบบที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายภายในพื้นที่แบบไร้ สาย โดยใช้คลื่นความถี่ วิทยุใน การเชื่อมต่อหรือสื่อสารกัน การเชื่อมต่อแลนไร้สายมีทั้งแบบเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกัน และเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านอุปกรณ์กระจายสัญญาณ (Access Point)

นิยาม

ไวเลส (Wireless) คือ ไม่มีสาย ลองนึกภาพถึงแลนปกติที่เชื่อมต่อกันระหว่างคอมพิวเตอร์กับสวิตซ์ (Switch) หรือฮับ (Hub) ด้วยสายสัญญาณที่เรียกว่า สาย UTP แต่ไวเลส คือการเชื่อมต่อที่ไม่มีมีสายแลนนั่นเอง

แลน (LAN) คือระบบที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายภายในพื้นที่ เช่นระบบแลนภายในบ้าน ในบริษัทหรือองค์กร ในมหาวิทยาลัย เป็นต้น

มาตราฐานความเร็วของแลนไร้สาย ความเร็วที่ใช้ในการสื่อสารกันหรือเชื่อมต่อกัน มีมาตราฐานรองรับ เช่น IEEE 802.11a, b และ g ซึ่งแต่ละมาตราฐานจะบอกถึงความเร็วและคลื่นความถี่ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร กัน เช่น

สำหรับมาตรฐาน IEEE 802.11a มีความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps ที่ความถึ่ย่าน 5 GHz

สำหรับมาตรฐาน IEEE 802.11b มีความเร็วสูงสุดที่ 11 Mbps ที่ความถี่ย่าน 2.4 GHz

สำหรับมาตรฐาน IEEE 802.11g มีความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps ที่ความถี่ย่าน 2.4 GHz

ในประเทศไทยอนุญาตให้ใช้ช่องคลื่นความถี่ที่ 2.4 GHz เป็นคลื่นความถี่เสรี ที่ทุกคนสามารถติดตั้งและใช้งานได้ จึงทำให้ในประเทศไทยจะมีอุปกรณ์กระจายสัญญาณ (Access Point) ที่จำหน่ายเพียงสองมาตราฐานคือ IEEE 802.11b และ g เท่านั้น

จาก wikipedia

สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รวมเว็บไซต์น่าสนใจ !

http://www.inwgame.com เว็บของเหล่าเซียนเกมส์
http://www.onairnetwork.net รับวางโคโล เครื่องเช่า
http://www.www.treehost.in.th โฮสติ้งราคาถูกมากๆ
http://www.jkpoptv.com ฟังเพลงเกาหลี 24ชม.
http://www.iguru.in.th ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เรามีคำตอบ

ทำไมผมถึงทิ้ง iPhone ไปใช้ Android ไม่ได้

ทำไมผมถึงทิ้ง iPhone ไปใช้ Android ไม่ได้

อันนี้เป็นภาคต่อของ “ทำไม ผมเปลี่ยนจาก iPhone เป็น Android” หลังจากบล็อกต้นฉบับถูกเผยแพร่ออกมา ก็มีคนเขียนตอบหลายคน ผมคัดมาเฉพาะอันที่น่าสนใจคือ Robert Scoble บล็อกเกอร์ชื่อดังอีกคนหนึ่ง

Scoble บอกว่าเขาเห็นด้วยในหลักการกับ Louis Gray แต่เขายังไม่สามารถย้ายจาก iPhone ไปใช้ Android ได้ แม้ว่าจะลองมาหลายเครื่องแล้วก็ตาม

เหตุผลของ Scoble คือ

  1. เขาทำงานบน iPhone ได้เร็วกว่าและสะดวกกว่า
  2. ฮาร์ดแวร์ของ iPhone ดีกว่า จับแล้วให้ความรู้สึกที่ดีกว่า จอ iPhone 4 ชัดกว่า (หมายเหตุ เขายังไม่ได้ลอง Galaxy S)
  3. โปรแกรมบน iPhone มีจำนวนมากกว่า และมีคุณภาพดีกว่า
  4. เขาพบว่าสัญญาณของ AT&T ไม่ดี แต่ไม่ถึงขนาดต้องเปลี่ยนค่าย และเขาใช้มือถือคุยโทรศัพท์น้อยมาก
  5. คนใช้ iPhone นิยมดาวน์โหลดโปรแกรมใหม่ๆ มาลองมากกว่า ทำให้เขาได้รู้จักโปรแกรมที่หลากหลายมากขึ้นจากการพูดคุยกับคนใช้ iPhone ด้วยกัน
  6. แบตเตอรี่ของ iPhone 4 ใช้ได้นานกว่า (เทียบกับ EVO 4G)
  7. กล้องของ iPhone ใช้งานได้ดี และ FaceTime ใช้ง่าย

Scoble บอกว่าถ้าเป็นบริษัท เขานิยมกูเกิลมากกว่าแอปเปิล แต่สำหรับมือถือแล้วแอปเปิลทำได้ดีกว่า ณ ขณะนี้

บล็อกค่อนข้างยาวและมีเหตุผลประกอบอย่างละเอียดทุกข้อ ควรอ่านต้นฉบับประกอบอีกครั้ง

ข่าวเก่า

Louis Gray บล็อกเกอร์ผู้กว้างขวางคนหนึ่งในซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งประกาศตัวว่าเป็น “long-time Apple believer and Mac/iPhone customer” เขียนลงบล็อกเล่าการตัดสินใจของเขาที่เปลี่ยนจาก iPhone มาเป็น Android ทั้งครอบครัว

เขาให้เหตุผลไว้ดังนี้

  1. Choice – โอกาสในการเลือกมือถือ เลือกเครือข่าย ซึ่ง Android มีมากกว่า iPhone (ในสหรัฐ)
  2. Momentum – Android กำลังสร้างโมเมนตัมในทุกๆ ด้าน และจะแซงแอปเปิลในเร็ววันนี้
  3. Cloud – เขาไม่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์เชื่อมมือถือเพื่อถ่ายข้อมูลอีกแล้ว
  4. Capability – เอ่ยถึงฟีเจอร์ Wi-Fi Hotspot ที่ AT&T ไม่อนุญาตให้ iPhone ทำได้

เขาบอกว่ารอ iPhone 4 ออกมาแล้วถึงตัดสินใจ แม้ว่า iPhone 4 จะเป็นมือถือที่ดีที่สุดในท้องตลาด แต่การใช้ Android มีข้อดีกว่าตามเหตุผล 4 ข้อข้างต้น โดยเฉพาะ “choice”

ที่มา – louisgray

ที่มา – Scobleizer

เว็บไซต์: hitech.sanook.com

สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

พอร์ตยูเอสบีใหม่เสียบยังไงก็ไม่พลาด!!!

พอร์ตยูเอสบีใหม่เสียบยังไงก็ไม่พลาด!!!

เมื่อต้นเดือนทางเว็บไซต์ arip ได้แนะนำแบตเตอรี่ ยุคใหม่แม้ใส่สลับขั้วก็ใช้งานได้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถใส่แบตฯได้ทันทีโดยไม่ต้องสนใจขั้วต่อไป ล่าสุดทางกองบรรณาธิการได้ไปพบไอเดียที่คล้ายๆ กันนี้ แต่ใช้กับพอร์ตยูเอสบี ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Flipper USB ที่ออกแบบมาให้คุณสามารถเสียบ”แฟลชไดรฟ์”ได้ โดยไม่ต้องคอยพลิกคว่ำพลิกหงายกันอีกทีเวลาเสียบผิด

เชื่อว่า คุณผู้อ่านคงจะต้องเคยประสบปัญหาเสียบอุปกรณ์ USB ผิดด้าน โดยเฉพาะแฟลชไดรฟ์ ซึ่งพอเสียบผิดก็จะต้องพลิกอีกด้าน เพื่อเสียบอุปกรณ์เข้าไปใหม่ หลายคนก็แม่นมากที่จะมักจะเสียบผิด ก่อนที่จะบ่นกับตัวเองเล็กน้อย ในขณะที่ปัญหาดังกล่าวก็ยังคงอยู่ต่อไป ครั้นจะไปกล่าวโทษคนออกแบบพอร์ต USB ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่า ผู้ออกแบบก็คงจะต้องมองเรื่องของความถูกต้องทางด้านเทคนิคมากกว่าการใช้งาน อย่างไรก็ดี ปัญหานี้จะหมดไป เมื่อคุณได้พบกับพอร์ต USB แบบใหม่ที่มีชื่อตรงตามคุณสมบัติว่า Flipper USB

สำหรับ Flipper USB จะเป็นพอร์ตยูเอสบีที่ได้รับการออกแบบให้ผู้ใช้แฟลชไดรฟ์สามารถเชื่อมต่อใช้ งานได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องพะวงว่า จะพลิกคว่ำ หรือพลิกหงายกันแน่ เพราะไม่ว่าคุณจะพลิกแบบไหน มันก็สามารถเสียบเข้าไปในพอร์ตได้อยู่ดี ความลับของมันก็คือ แถบพลาสติกของหน้าสัมผัสวงจรที่อยู่ภายในพอร์ตจะมีสองด้าน ดังนั้นไม่ว่าคุณ จะคว่ำ หรือหงาย แฟลชไดรฟ์ตอนเสียบมันก็จะยังใช้งานได้เหมือนเดิม

ข้อมูล จาก: ubergizmo

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th]

สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

ท้าพิสูจน์ iOS 4.1 แก้ปัญหา iPhone 4?

ท้าพิสูจน์ iOS 4.1 แก้ปัญหา iPhone 4?

รายงานข่าวล่าสุด แอปเปิ้ล (Apple) ประกาศว่า ทางบริษัทได้อัพเดตซอฟต์แวร์ iOS เป็นเวอร์ชัน 4.1 ซึ่งได้รับการแก้ปัญหาการแสดงแท่งสัญญาณบน iPhone 4 ผิดพลาดเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม iOS 4.1 ไม่ได้มีการแก้ปัญหา”สายหลุด”ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้

ผลการทดสอบบนเว็บไซต์ Consumer Reports ยืนยันชัดเจนว่า iPhone 4 มีปัญหาในเรื่องของดีไซน์ฮาร์ดแวร์ ทำให้เสาอากาศที่อยู่ด้านข้างสัมผัสโดนมือผู้ใช้จนเป็นเหตุให้สัญญาณที่ได้ รับอ่อนกำลังลงจนสายหลุดได้ ซึ่งทางแก้คือ หา”ซอง”มาใส่ อย่างไรก็ดี แอปเปิ้ลยังคงสงวนท่าที เนื่องจากหากแจกซองฟรีก็เท่ากับยอมรับเรื่องดีไซน์มีปัญหา ส่วนกรณีที่จะตัดสินใจเรียกคืนค่าใช้จ่ายก็สูงเกินไป หลายฝ่ายกำลังมองว่า แอปเปิ้ลจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร?

ล่าสุดเว็บไซต์ MacRumors รายงานผลการทดสอบ iOS 4.1 บน iPhone 4 ว่า การแสดงแท่งสัญญาณจะสูงกว่าเดิมเล็กน้อย นอกจากนี้ก็จะมีในส่วนของซอฟต์แวร์โมเด็มที่ได้รับการอัพเดตเป็น 02.07.01 จาก 01.59.00 อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปที่ได้จากการอัพเกรด iOS 4.1 ก็คือ มันไม่ได้แก้ปัญหา”สายหลุด” ให้กับ iPhone 4 แต่อย่างใด… ข้างล่างเป็นคลิปยืนยันการทดสอบที่แสดงให้เห็นว่าปัญหา death grip ยังคงอยู่อย่างชัดเจน

ข้อมูล จาก: pcmag

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th]

สนับ สนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เมาส์จิ๋วไร้สายใช้แทน"แทรคแพด"โน้ตบุ๊ค

เมาส์จิ๋วไร้สายใช้แทน"แทรคแพด"โน้ตบุ๊ค

สนับสนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

รู้ไหมบล็อคในเกมส์ Tetris มาจากไหน?

รู้ไหมบล็อคในเกมส์ Tetris มาจากไหน?

สนับสนุนโดย :

www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

www.onairnetwork.net : รับวางServer เช่าเครื่อง Dedicated & VPS

http://onairnet.blogspot.com : บล๊อกของคนไอที รวมข่าวสาร เทคโนโลยี

'หมึกพอล'ไม่ใช่ตัวจริง'คนจับ'แฉ

'หมึกพอล'ไม่ใช่ตัวจริง'คนจับ'แฉ

“เจ้าพอล”ปลาหมึกโหราพยากรณ์ ที่สร้างความตื่นตะลึงให้คนทั้งโลก ด้วยการทำนายผลฟุตบอลโลก 2010 ถูกทั้งหมดทั้ง 8 คู่ ตกเป็นข่าวดังอีกครั้ง เมื่อคนจับ เวเรนา บาร์ตช ออกมาแฉว่าปลาหมึกหมอดูรายนี้ไม่ได้อายุ 3 ปีอย่างที่พูดกัน และไม่ได้โดนจับได้ที่อังกฤษ เพราะโดนจับที่เกาะเอลบา ในอิตาลี เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมานี้เองในขณะที่ปลาหมึกอายุ 4 สัปดาห์ และหากเรื่องนี้เป็นความจริง ก็เป็นไปได้ว่า ปลาหมึกพอล ไม่ใช่ตัวเดียวกันกับที่ทำนายผล ยูโร 2008

“ฉันจับเขาด้วยมือเปล่า เขาเพิ่งอายุไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น” เวเรนา กล่าวพร้อมระบุต่อว่าเธอนำพอลไปที่โคเบิร์กเป็นที่แรก ก่อนมาลงเอยที่สวนน้ำในโอเบอร์เฮาเซนที่อยู่ปัจจุบันของมัน แต่ไม่มีใครทราบว่าทำไมเธอถึงออกมาเผยเอาป่านนี้ในขณะที่ฟุตบอลโลกจบลงไป แล้ว
เว็บบ์สยอง!เจอแฟนดัตช์ขู่ฆ่า

แล้วก็เป็นไปตามคาด โฮเวิร์ด เว็บบ์ ผู้ตัดสินคนดังชาวอังกฤษ ได้ขวัญผวา ถูกแฟนบอลฮอลแลนด์ขู่ฆ่าเอาชีวิต ขณะที่ ซิลเวีย เว็บบ์ คุณแม่วัย 64 ปีของเปาหัวโล้นก็ออกมาปกป้องลูกชายสุดที่รักเต็มที่

เว็บบ์ วัย 38 ปีแจกไป 14 ใบเหลือง รวมถึง 1 ใบแดง ไล่ตะเพิด จอห์นี ไฮติงกา ออกจากสนาม ก่อนที่ “อัศวินสีส้ม” พ่ายให้กับ “กระทิงดุ” สเปน 0-1 ซึ่งแฟนบอลชาวดัตช์โยนบาปให้ผู้ตัดสินจากพรีเมียร์ลีกว่าเป็นต้นตอที่ทำให้ ฮอลแลนด์ชวดแชมป์โลก โดยอีเมลฉบับหนึ่ง เขียนไปยัง นสพ.เดอะ ซัน ว่า “บอกชายคนนี้ด้วยว่าอย่าคิดเหยียบแผ่นดินดัตช์ตลอดชีวิตนี้ เพราะเขาจะถูกฆ่า”

ด้านคุณแม่ ซิลเวีย กล่าวว่า “มันเป็นแมตช์ฝันร้ายของเขา ฉันรู้สึกแย่ทั้งที่เขาตั้งตารอคอยลงทำหน้าที่ โฮเวิร์ด โดนปฏิบัติจากนักเตะที่ดีที่สุดในโลกบางคนเหมือนคนสกปรก ฟุตบอลโลก รอบชิงชนะเลิศ มันน่าจะเกมที่ดีที่สุด แต่ทั้งที่ฉันเห็นคือ นักเตะข่มเหงลูกชายฉัน”

ด้าน เว็บบ์ ยอมรับว่าการทำหน้าที่ในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก ทำเขาหมดเรี่ยวแรงทั้งพละกำลังร่างกายและจิตใจว่า “มันเป็นช่วงเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตผม ผมหมดทั้งกำลังกายและกำลังใจ แต่ฟีฟ่าสนับสนุนผมอย่างมาก”
ปืนขำไม่ออก!เชสสวมเสื้อบาร์ซา

“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล สงสัยได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลังจาก เชส ฟาเบร กัส กองกลางตัวเก่งถูกเพื่อนร่วมทีมชาติ เคราร์ด ปิเก และ คาร์เลส ปูโยล 2 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา จับสวมเสื้อแข่งของบาร์ซาในงานฉลองแชมป์โลกครั้งแรกของทีมกระทิงดุ

ในระหว่างงานฉลอง เปเป เรนา นายทวารลิเวอร์พูล จัดการล็อกคอ เชส พร้อมเรียกดาวเตะอาร์เซนอลว่า “อนาคตของบาร์เซโลนา” ก่อนที่ ปิเก กับ ปูโยล ย่องจากด้านหลังเอาเสื้อบาร์เซโลนา มาสวมให้กัปตันทีม “เดอะ กันเนอร์ส” และเมื่อเจ้าตัวเห็นว่าเป็นเสื้อทีมแคว้นคาตาลันก็ทำได้ยิ้มอาย ๆ และรีบถอดเสื้อออกทันที

บาร์ซา ยืนยันมาตลอดว่าต้องการดึงตัวอดีตเด็กปั้นของสโมสร ที่ถูกพรากไปตั้งแต่อายุ 16 ปี กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง ขณะที่ เชส ยังไม่เผยการตัดสินใจว่าจะอยู่ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ซึ่งเขาเหลือสัญญาอีก 5 ปีหรือกลับบ้านเก่าย้ายไปถิ่นคัมป์ นู

เชส เผยแต่การยกแชมป์โลกให้ อาร์เซนอล และขอบคุณ เวนเกอร์ ที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมาว่า “แชมป์นี้สำหรับนักเตะอาร์เซนอล, แฟนอาร์เซนอล, อาร์เซน เวนเกอร์ และ สตาฟฟ์ทุกคน ผมมีความภูมิใจที่ได้เป็นนักเตะอาร์เซนอล ผมได้ข้อความแสดงความยินดีจาก อาร์เซน เวนเกอร์ เขาบอกว่าผมสมควรได้ ผมคิดว่าแชมป์นี้สำหรับทุกคนที่อาร์เซนอลซึ่งช่วยให้ผมมาอยู่ตรงจุดนี้”
หงส์ไชโยราชันไม่เอาเจอร์ราร์ด

สาวก “เดอะ ค็อป” ได้ยิ้มปาก กว้าง หลังจาก “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด ยืนยันว่าไม่มีแผนการคว้าตัว สตีเวน เจอร์ ราร์ด กัปตันทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เนื่องจากค่าตัวแพงเกินไป นอกจากนี้ เจอร์ ราร์ด ยังอายุปาเข้าไป 30 ปีแล้วด้วย

ลิเวอร์พูล ทำผลงานล้มเหลวเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่ได้ไปเล่นกระทั่ง ยูฟ่า แชม เปี้ยนส์ลีก ทำให้มีข่าวลือว่า เจอร์ราร์ด จะย้ายทีม ซึ่งพอดีกับที่ โฮเซ มูรินโญ ย้ายไปทำงานในถิ่นซานติอาโก เบอร์นาบิว จึงยิ่งมีข่าวลือหนาหูขึ้นไปอีก เนื่องจาก เฮียมู เคยหมายปอง เจิด ตั้งแต่ยังคุม เชลซี

อย่างไรก็ตาม เออร์เนสโต บรอนเซ็ตติ ที่ปรึกษาด้านการซื้อขายของ รีล มาดริด กล่าวว่า “กากา จะอยู่กับ รีล มาดริด แต่ประธาน (ฟลอเรนติโน เปเรซ) ไม่เห็นด้วยกับ เจอร์ราร์ด เพราะเขาอายุ 30 ปี บวกกับ ลิเวอร์พูล เรียกเงินถึง 70 ล้านยูโร”

แต่กระนั้น มูรินโญ ยังต้องการนักเตะตำแหน่งเดียวกับ เจอร์ราร์ด รวมถึงเซ็นเตอร์ฮาล์ฟมาเพิ่ม “มูรินโญ จะให้ เซร์คิโอ รามอส ลงเล่นด้านขวา และตอนนี้เขาต้องการกองหลังตัวกลางหรือมิดฟิลด์แบบ เจอร์ราร์ด”
ตอร์เรสส่อไม่ลาหงส์แดง

ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล ยังได้ข่าวดี 2 ต่อเมื่อ “เอล นินโญ” เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงพระกาฬมีแนวโน้มที่จะอยู่ในถิ่นแอน ฟิลด์ต่อไป เมื่อมีภาพ ตอร์เรส ชูถ้วยแชมป์โลกพร้อมกับผ้าพันคอของลิเวอร์พูลอยู่บนบ่า โดยในเว็บไซต์สโมสร ลิเวอร์พูลดีใจถึงขนาดยกให้เป็นภาพที่ดีที่สุดแห่งปีเลยทีเดียว

เชลซี กำลังตามล่าตัว ตอร์เรส อย่าง เอาจริงเอาจังและเชื่อกันว่าได้ยื่นข้อเสนอเบื้องต้นจำนวน 40 ล้านปอนด์ไปแล้ว แต่จากภาพที่ออกมาทำให้เชื่อว่าเขาน่าจะอยู่ที่แอนฟิลด์ต่อไป

ขณะที่ อันเดรส อิเนียสตา ผู้ยิงประตูชัยให้สเปนได้แชมป์โลกเผยแล้วว่า ตอร์เรส จะตัดสินอนาคตตัวเองในอีกราว 2 สัปดาห์ “เขาจะพักผ่อนกับภรรยาและลูกสาว จากนั้นคุยกับ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าสโมสรไหนที่มีเขา ถือว่าโชคดี เขาจะตัดสินใจอนาคตใน 2 สัปดาห์”.

ที่มา: http://www.rssthai.com


สนับสนุนโดย : www.treehost.in.th : โฮสติ้งดีๆ ที่คุณมั่นใจเลือก!

พวกลื๊อรอ อั๊วไม่รอ! พี่จีนอย่างว่องปล่อย iPhone 4 สีขาว(ปลอม)ออกมาแล้วในชื่อ Ciphone 4!

ไม่มีคำใดจะบรรยายเทคโลโนยีและความรวดเร็วของประเทศนี้จริงๆ สำหรับอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจีน จากก่อนหน้านี้มีการเปิดตัว Air Phone 4 ก่อนของจริงจะ ออกวางขายเสียอีก ล่าสุดก็ยังยึดคอนเซปท์เดิมคือ “รอทำไม?” จึงได้ปล่อย iPhone 4 สีขาวออกมาให้ได้ซื้อกันแล้วโดยใช้ชื่อว่า Ciphone 4 นั่นเอง (คาดว่าน่าจะคนบริษัทที่ผลิต Air Phone)

โดยสเป็คคร่าวๆ นับว่าอ่อนแรงไปนิดนึง เพราะใช้ CPU ความเร็วแค่ 460MHz, ใช้ Windows Mobile 6.1!, หน้าจอ 480 x 320 Pixel, RAM 128MB, กล้อง 1.3M Pixel (น่าจะมี Flash ด้วย) พร้อม Wi-Fi และ Bluetooth ในตัว

ทางด้านขนาดตัวมีความหนากว่า iPhone 4 ของจริงอยู่นิดหน่อย โดยมีความหนาแค่ 11.4 มม. เท่านั้น สนนราคาสำหรับรุ่น 16GB มีค่าตัวอยู่ที่ 1450 หยวน หรือประมาณ 7,000 บาทเท่านั้น! (เอ๊ะ หรือต้องบอกว่า “ตั้ง 7,000 บาท” ดีครับ :p)

ref: micgadget.com


สนับสนุนโดย: http://treehost.in.th โฮสติ้งดีๆ..ที่คุณมั่นใจเลือก!

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Domain Pointer

Domain Pointer คือการชี้ชื่อเว็บนอกเหนือจากชื่อหลัก มายัง Host เดียวกัน เหมาะกับเว็บที่มีชื่อเรียกเข้ามากกว่า 1 ชื่อ เช่น ท่านมาเช่าโฮสสำหรับเว็บชื่อ aaa.com ที่นี้ท่านไปจดชื่อเพิ่มมาอีก 2 ชื่อคือ bbb.com กับ ccc.com ท่านอยากจะให้คนที่เข้าชื่อ bbb.com และ ccc.com ให้เปิดมายังหน้าเว็บ aaa.com ท่านสามารถทำได้โดยเข้าใช้งาน Domain pointer ใน Control Panel แล้วใส่ชื่อ bbb.com กับ ccc.com ก็จะสามารถใช้งานได้ทั้ง 3 ชื่อ
เว็บนี้จะ สามารถเข้าได้ 3 ชื่อ คือ aaa.com, bbb.com และ ccc.com

สนับสนุนโดย: http://treehost.in.th โฮสติ้งดีๆ..ที่คุณมั่นใจเลือก!

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Host คืออะไร

Host ( Hosting, Web Hosting ) เป็นบริการให้เช่าพื้นที่ในการนำเว็บไซต์มาฝาก เพื่อให้เว็บไซต์คุณสามารถออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตได้ โดยเป็นการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ คือ ผู้ใช้บริการไม่ต้องยุ่งยากกับระบบเว็บเซิร์ฟเวอร์ เพราะทางผู้ให้บริการ Host จะเตรียมการทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อย แต่คุณต้องทำการ จดโดเมน ก่อนแล้วจึงมาเช่า Host เพื่อเก็บเว็บไซต์


การเลือก Host ให้กับเว็บไซต์คุณ

1. Host ตั้งอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ

ให้คุณดูก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาที่เว็บของคุณ คือใคร หากเป็นลูกค้าในประเทศ ก็ควรเลือก Host ที่ตั้งอยู่ในประเทศ เพราะเวลาลูกค้าคุณเข้ามาดูข้อมูลในเว็บไซต์คุณ ก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่า ไม่ต้องวิ่งไปหาข้อมูลที่ต่างประเทศ แต่หากลูกค้าคุณเป็นลูกค้าต่างประเทศ ก็ควรเลือก Host ที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ เพื่อการเข้าถึงของลูกค้าคุณจะได้รวดเร็วกว่าที่จะต้องเข้ามาดูข้อมูลที่ เก็บไว้ที่ Host ในเมืองไทย ขนาดพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล ต้องพอเพียงกับข้อมูลของ Web Site ที่จัดทำ
2.

ปกติพื้นที่ขนาด 5 MB ก็เพียงพอต่อการนำเว็บไซต์ทางธุรกิจทั่วไป ที่มี่ภาพและข้อมูล ยกเว้นแต่หากท่านจะมีข้อมูลเป็นจำนวนมากๆ เช่น ข้อมูลรูปภาพหรือไฟล์เอกสารต่างๆ ที่จะเปิดให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดได้หลายรายการ และแต่ละไฟล์มีขนาดใหญ่ ท่านอาจจะต้องพื้นที่เพิ่ม และบางแห่งจะนำ พื้นที่ ๆ เก็บ E-mail มานำไปคิดรวมกับพื้นที่ ๆ เก็บไฟล์ข้อมูลของเว็บไซต์คุณ ซึ่งอาจจะทำให้พื้นที่ของเว็บไซต์ท่านไม่เพียงพอต่อการใช้งานได้ เพราะจะต้องใช้ร่วมกับ E-mail ซึ่งต้องเช็คกับทางผู้ให้บริการ ก่อนตัดสินใจใช้ E-mail Box แยกออกจากพื้นที่เก็บไฟล์ข้อมูลเว็บหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่หากรวมกัน ท่านอาจจะต้องการพื้นที่ Host อย่างน้อย 15 MB เป็นอย่างต่ำ จะมีการใช้เว็บโปรแกรมมิ่งไหมในเว็บของคุณ?
3.

ถ้าหากเว็บไซต์คุณมีการใช้เว็บโปรแกรมมิ่งในการทำเช่น เว็บบอร์ด, โปรแกรมส่งเมล์หาสมาชิก (Mailing List), หรือ โปรแกรมการเก็บฐานข้อมูล (Database) คุณควรจะเช็คกับทางผู้ให้บริการ Host ว่า Server ของเค้าเป็น OS อะไร ถ้าหากเป็น Windows ก็สามารถใช้กับ ภาษาในการเขียนโปรแกรมได้แก่ ASP, PHP, Perl ได้ แต่หากเป็น Linux ก็จะสามารถใช้ได้แค่ PHP, Perl เท่านั้น หรือบางท่านอาจจะต้องการใช้ระบบรักษาความปลอดภัย ก็อาจจะต้องใช้บริการ ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลแบบ SSL (Secure Socket Layer) ซึ่งจะเหมาะกับเว็บไซต์ทีทำ E-Commerce ทดสอบคุณภาพการบริการทางอีเมล์
4.

คุณอาจจะลองเมล์ไปสอบถามคำถามต่าง ๆ กับทาง Support แล้วลองดูระยะเวลาการตอบกลับอีเมล์ปัญหาของคุณ ว่าใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ถ้าการตอบแต่ละครั้งใช้เวลานาน (ไม่ควรเกิน 1 วัน) แบบนี้ก็ไม่น่าที่จะเลือกใช้บริการ ลองส่งเมล์ไปสอบถามซัก 4-5 ครั้ง หรือมากกว่านี้ก็ได้ เพื่อดูความรวดเร็วในการแก้ปัญหาให้ลูกค้า และ ความใส่ใจในการบริการ ของผู้ให้บริการ ราคาไม่ใช่ตัวบอกถึงคุณภาพการบริการเสมอไป
5.

Host ที่มีราคาแพง ไม่จำเป็นว่าจะมีประสิทธิภาพ และบริการที่ดีเสมอไป ในการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจ Host คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเพื่อซื้อบริการที่ดีกว่า คำว่า "ของดีราคาถูก" ยังมีอยู่ให้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ช่องทางการติดต่อกับผู้ให้บริการ
6.

ควรจะมีหลาย ๆ ช่องทางในการที่จะติดต่อกับผู้ให้บริการได้ เผื่อในกรณีที่เกิดปัญหาจะได้ติดต่อได้อย่างรวดเร็ว ทั้งเบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน, โทรศัพท์มือถือ และทางอีเมล์ ผู้ให้บริการ Host บางรายแม้ว่าจะมีการให้บริการที่ดี แต่ถ้าคุณสามารถติดต่อได้แค่ทางอีเมล์แล้ว นั่นก็หมายถึงว่าคุณจะต้องรอรับการ บริการจากทางอีเมล์เท่านั้น


ระหว่าง Windows Hosting และ Linux Hosting จะเลือกใช้อย่างไร

Windows Hosting และ Linux Hosting คือ Operating System Platform เป็นรูปแบบของระบบปฏิบัติการที่ตัว Host ใช้งาน จะมีอยู่ 2 ระบบปฏิบัติการใหญ่ๆ ที่ใช้งานคือ Windows หรือ Linux ซึ่งถ้า Host ที่ใช้ Windows เป็นระบบปฏิบัติการนั่นก็หมายความว่า ภาษาที่ใช้งานก็จะเป็น ASP หรือ ASP.Net และ PHP ส่วน Host ที่ใช้ Linux เป็นระบบปฏิบัติการภาษาที่ใช้งานก็จะเป็น PHP ถ้าเว็บไซต์ของท่านเขียนด้วย html อย่างเดียว สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง 2 ระบบ แต่ขอแนะนำให้ใช้เป็น Linux เพราะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า


Host ที่ดีจะต้องให้บริการทั้งเครื่องมืออำนวยความสะดวกและคำแนะนำแก่ผู้ใช้ บริการ เพื่อให้สามารถดูแลและแก้ไข website ของตนเองได้ ผู้ให้บริการ Host จะคิดค่าบริการจากการเช่าพื้นที่ในการให้บริการซึ่ง พื้นที่ดังกล่าวใช้สำหรับเก็บข้อมูล website ที่ต้องการนำเสนอ รวมทั้ง E-mail Database รายละเอียดเกี่ยวกับสถิติผู้เข้าชม ฯลฯ

สนับสนุนโดย :

http://www.treehost.in.th : โฮสติ้ง คุณภาพความเสถียรสูง เริ่มต้นเพียง 500 บาท

http://www.onairnetwork.net : รับวางโคโล เช่าเครื่อง voip radio/video online

http://www.iguru.in.th : ไอ-กูรู มีคำตอบ! สงสัยอะไรอย่าเก็บไว้..เอามาโพสถามได้เลย

http://onairnet.blogspot.com : รับวางโคโล , โคโล , โคโลเคชั่น , ติดตั้งโคโล , ติดตั้งระบบเน็ท , อินเทอร์เน็ต, SEO,ฺBlog

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Elly Tran Ha สาวเวียดนาม อกภูเขาไฟ

Elly Tran Ha สาวเวียดนาม อกภูเขาไฟ

สาวเวียดนามอกภูเขาไฟ เอลลี่ เจิ่น (Elly Tran Ha) ได้กลายเป็นคนดังของโลกไซเบอร์ไปแล้ว ด้วยความโดนเด่นแตะตาใครหลายๆ คน กับสัดส่วนสุดสะบึม 37 – 24 – 35 สูง 168 ซม. นอกจากนี้ เอกลักษณ์ใส่แว่นตาเพิ่มความเซ็กซี่ ก็ทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ใจละลาย เพ้อฝันไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะคะ



วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

มีขายแล้วรถยนต์เหาะองค์การบินพลเรือนสหรัฐ อนุมัติให้สร้างได้

มีขายแล้วรถยนต์เหาะองค์การบินพลเรือนสหรัฐ อนุมัติให้สร้างได้

องค์การบินพลเรือนเมืองสหรัฐฯได้ อนุมัติให้บริษัทแห่งหนึ่งสร้างรถยนต์ซึ่งสามารถทั้งวิ่งบนถนนและขึ้นบินออก จำหน่ายได้

รถยนต์เหาะมีชื่อว่ารถ “เทอราฟูเกีย ทรานวิชั่น” นั่งได้ 2 คน สามารถจะแปลงจากรถยนต์ให้เป็นเครื่องบินได้ภายในเวลาครึ่งวินาที โดยคนขับไม่ต้องออกมาจากรถเลย

มันสร้างโดยบริษัทของอดีตวิศวกร องค์การอวกาศสหรัฐฯ เป็นรถจะวิ่งได้เร็ว ชั่วโมงละ 145 กม. และเมื่อกางปีกออกขึ้นบิน จะบินได้เร็วชั่วโมงละ 185 กม. เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังจะบินได้ไกล 805 กม. ขึ้นได้จากสนามบินพลเรือนที่มีทางวิ่ง ยาวไม่ต่ำกว่า 2,500 ฟุต มีเครื่องยนต์อยู่ด้านหน้า ใช้ทั้งขับเคลื่อนล้อหน้าและหมุนใบพัด

บริษัท อ้างว่า ได้ทดลองได้รับความสำเร็จมาหลายหนแล้ว ที่เหนือกว่าเครื่องบินเล็กธรรมดาก็คือ มีความปลอดภัยมากกว่า หากว่าบินอยู่เกิดอากาศไม่ดี ก็อาจจะกลับลงมาบนพื้นแล้วขับกลับบ้านได้เอง แทนที่จะต้องหาที่จำเป็นร่อนลง หรือฝืนบินต่อไป ตั้งราคาไว้ประมาณลำละ 6,404,000 บาท มีผู้สั่งจองแล้วยาวเหยียด จะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่ปลายปีหน้าเป็นต้นไป.


http://www.onairnetwork.net

รับวางโคโล เช่าเครื่อง โฮสติ้ง vps เริ่มต้นเพียง 800บาท สนใจติดต่อ 083-739-8895


http://www.iguru.in.th

เว็บ กูรู guru สารานุกรม ความรู้ บทความ หาเพื่อน แชท เกม แฟชั่น บันเทิง ดารา ผู้หญิง

อัพเดตซอฟต์แวร์ไม่แก้ปัญหา iPhone 4

อัพเดตซอฟต์แวร์ไม่แก้ปัญหา iPhone 4


รายงานข่าวล่าสุด แอปเปิ้ล (Apple) ยอมรับว่า การอัพเดตซอฟต์แวร์ (iOS 4) สำหรับข้อผิดพลาดของเสาอากาศ iPhone 4 ไม่ได้แก้ปัญหาอาการ”สายหลุด”ขณะสนทนา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วแอปเปิ้ลจะว่าอย่างไรต่อไป?

สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) เคยอธิบายว่า ผู้บริโภคจะใช้แก็ดเจ็ตที่มีราคา (iPhone 4) ด้วยมือขวา หรือแค่ถือมันด้วยมือขวาก็สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาสัญญาณหดได้แล้ว มันไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ส่วนใหญ่คาดว่า เหล่าอัจฉริยะทางด้านซอฟต์แวร์ของแอปเปิ้ลจะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวด้วย ซอฟต์แวร์ได้

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ Gizmodo ระบุ Applecare ยืนยันแล้วว่า ซอฟต์แวร์อัพเดตที่กำลังจะออกมาไม่สามารถแก้ปัญหาการรับสาย หรือเรียกสายของ iPhone 4 ในกรณีที่ขาดการเชื่อมต่อ หรือพูดง่ายๆ ว่า “สายหลุด” เนื่องจากสัญญาณอ่อน พร้อมทั้งแนะนำว่า วิธีแก้ปัญหาคือ ซื้อซองใส่ หรือถือด้วยมือขวาอย่างที่จอบส์แนะนำ อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวก่อนหน้านี้แอปเปิ้ลมั่นใจว่า การแก้ไขให้การแสดงแท่งความแรงของสัญญาณจะช่วยให้ผู้ใช้แฮปปี้ขึ้น แต่มันหาเป็นเช่นนั้นไม่

Applecare ได้ยืนยันถึงสามครั้งกับ Gizmodo ว่า ซอฟต์แวร์อัพเดตจะไม่ได้แก้ปัญหาเสาอากาศ แต่เป็นเพียงการแก้ให้การแสดงผลความแรงของสัญญาณที่มีอยู่ในบริเวณนั้นมี ความถูกต้องมากขึ้น ซึ่งทาง Gizmodo เองกำลังพยายามให้แอปเปิ้ลให้ซองใส่ หรือ bumper ฟรี เพื่อแก้ปัญหา “ขณะที่ยอดขาย iPhone 4 กำลังพุ่งพรวด แต่น่าเศร้าทีสาวกแอปเปิ้ลไม่ได้สนใจว่า กำลังซื้อผลิตภัณฑ์ที่แค่ทำงานได้ (แต่ไม่รู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่?) พวกเขาสนใจแค่ต้องการอุปกรณ์ที่มีราคาแพงกับโลโกผลไม้บนตัวเครื่องเท่า นั้น”

ข้อมูลจาก: pcmag

ที่มา: [เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th]


http://www.onairnetwork.net

รับวางโคโล เช่าเครื่อง โฮสติ้ง vps เริ่มต้นเพียง 800บาท สนใจติดต่อ 083-739-8895


http://www.iguru.in.th

เว็บ กูรู guru สารานุกรม ความรู้ บทความ หาเพื่อน แชท เกม แฟชั่น บันเทิง ดารา ผู้หญิง

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

VoIP Phone เทคโนโลยีโทรศัพท์แห่งอนาคต

เทคโนโลยี VoIP หรือ Voice over IP นั้นเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับการโทรศัพท์ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีข้อดีอันดับแรก ๆ ที่เห็นได้ชัดก็คือ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโทรได้ ไม่ว่าจะเป็นการโทรภายในประเทศ หรือการโทรระหว่างประเทศก็ตาม เพราะการโทรศัพท์ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานผ่าน ทางชุมสายโทรศัพท์ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายของส่วนที่ให้บริการด้วย แต่การโทรศัพท์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตนั้นจะเป็นการทำงานโดยอาศัยหลักการเดียว กับการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต

VoIP คืออะไร
VoIP (Voice over IP) นั้นเป็นการประยุกต์การส่งข้อมูลของอินเทอร์เน็ตมาใช้งาน ซึ่งโดยปกติการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเป็นการใช้สัญญาณข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับการใช้งาน VoIP นั้นจะเป็นการนำเอาสัญญาณเสียงมารวมเข้ากับสัญญาณข้อมูลเพื่อส่งผ่านไปยัง ระบบเครือข่ายผ่านทางโพรโตคอลที่ใช้สำหรับอินเทอร์เน็ตก็คือ Internet Protocol หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า IP ซึ่งตามปกตินั้น IP จะใช้สัญญาณข้อมูลเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยี VoIP ที่ทำให้ส่งสัญญาณเสียงได้ ด้วยรูปแบบการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตจึงทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการ โทรศัพท์ได้เป็นอย่างมาก

การทำงานของ Internet Protocol (IP)
หัวใจสำคัญของ VoIP ก็คือ Internet Protocol เพราะจะเป็นตัวกลางในการทำหน้าที่สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างต้นทางและปลาย ทาง และอย่างที่กล่าวไปแล้วก็คือ การทำงานผ่าน IP โดยปกติจะเป็นการส่งสัญญาณข้อมูลเท่านั้น แต่ด้วยการผสมผสานระหว่างเสียงและข้อมูลจึงทำให้ VoIP เกิดประโยชน์ทั้งทางด้านการพัฒนาและเทคโนโลยีขึ้นมา และการทำงานของโพรโตคอล IP สามารถแยกแบบคร่าว ๆ ได้ก็คือ
- สัญญาณข้อมูลจะถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ เพื่อส่งออกไปตามเส้นทางบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- เมื่อข้อมูลที่ถูกแบ่งไปถึงปลายทางจะใช้ระยะเวลาและการทำงานที่ต่างกันซึ่ง อาจจะไม่พร้อมกันก็ได้
- ข้อมูลที่ถึงปลายทางแล้วจะมีโพรโตคอล TCP ที่จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ส่งมาทั้งหมด
- ตรวจสอบข้อมูลให้อยู่ในสภาพเดิมเหมือนก่อนที่จะถูกแยกออกเป็นส่วน ๆ
จาก ขั้นตอนการส่งข้อมูลดังกล่าวผ่านทาง IP แบบคร่าว ๆ นั้นจะเห็นได้ว่าส่วนที่สำคัญก็คือ การแยกไฟล์ขนาดใหญ่ออกเป็นส่วนเล็ก ๆ หลายส่วนแล้วค่อยส่งออกไป เมื่อครบทุกส่วนที่ปลายทางแล้วจึงมีการประกอบให้คืนรูปแบบภายหลัง ถ้าจะมองให้เห็นภาพการส่งข้อมูลแบบเป็นส่วน ๆ ให้ชัดกว่านี้ก็เปรียบเทียบได้กับการใช้งานโปรแกรมช่วยดาวน์โหลด เช่น Flashget ที่จะมีการแยกไฟล์เป็นส่วน ๆ ในการดาวน์โหลดเพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงาน และที่สำคัญก็คือ ช่วยลดเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการทำงานในรูปแบบ IP จึงมีความสำคัญต่อการสื่อสารด้วยเสียงผ่านเทคโนโลยี VoIP เป็นอย่างมากเพราะนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความเร็วด้วยการแยกไฟล์ข้อมูล (เสียงหรือข้อมูล) ออกเป็นส่วน ๆ แล้วยังเพิ่มประสิทธิภาพนอกเหนือจากการติดต่อสื่อสารผ่านทางเสียงเพียงอย่าง เดียวให้สามารถทำงานเกี่ยวกับทางด้านข้อมูลไปในตัวด้วย

เหตุผลในการเลือก VoIP
สำหรับการเลือกใช้งาน VoIP มาเป็นส่วนของการช่วยโทรศัพท์นั้น ก็เนื่องจากว่า ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐบาลหรือหน่วยงาน ของเอกชนก็ตาม จะต้องมีอินเทอร์เน็ตไว้ใช้ในองค์กร ที่สำคัญก็คือ อินเทอร์เน็ตแบบความเร็วสูงที่กำลังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยการขยายตัวของดระบบเครือข่ายสัญญาณข้อมูล Data Network ที่มีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่าการขยายตัวของการสื่อสารด้วยเสียง จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานในทุกระดับที่มีอินเทอร์เน็ตไว้ใช้งานเพราะด้วย เทคโนโลยีของ VoIP นั้นจะช่วยให้คุณสามารถนำเอาการรับส่งสัญญาณข้อมูลและสัญญาณเสียงได้พร้อม กัน ทำให้เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้จึงทำให้ VoIP ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

VoIP เหมาะสำหรับใคร???
อย่างที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นว่าใคร ๆ ก็สามารถใช้เทคโนโลยี VoIP ได้ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือว่าจะเป็นการใช้ตามบ้านก็ตาม เพราะด้วยต้นทุนที่ต่ำและสามารถนำเทคโนโลยีรวมถึงอุปกรณ์ที่มีอยู่มาใช้งาน ได้ทันที โดยที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องลงทุนติดตั้งระบบหรือรื้อระบบใหม่ เพราะ VoIP ยังคงทำงานผ่านพื้นฐานของกานให้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ อย่างไรก็ดี VoIP นั้นก็ยังคงต้องอาศัยทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ในการทำงาน ซึ่งถ้าเป็นการใช้งานตามบ้านทั่วไปที่มีการโทรข้ามจังหวัดหรือโทรศัพท์ข้าม ประเทศนั้นเพียงติดตั้งซอฟต์แวร์และเสียค่าบริการให้กับผู้ให้บริการ VoIP ก็ใช้งานได้แล้ว ซึ่งผู้ใช้บริการ VoIP ส่วนมากจะเป็นผู้ให้บริการจากต่างประเทศ แต่สำหรับองค์กรขนาดใหญ่หรือจะเป็น SME ที่มีปริมาณการโทรมากก็จำเป็นที่ต้องอาศัยทั้งซอฟต์แวร์และฮร์ดแวร์ หรือองค์กรที่มีเครือข่าย Leased Line, Frame Relay, ISDN แม้กระทั่งเครือข่าย E1/T1 ก็สามารถนำอุปกรณ์ดังกล่าวนำมาประยุกต์ใช้งาน VoIP ได้เช่นกัน

มาตรฐานของ VoIP
การติดต่อสื่อสารในแบบต่าง ๆ ก็ย่อมต้องมีมาตรฐานขึ้นมาเป็นตัวกำหนดเพื่อให้ผู้ผลิตทั้งทางฮาร์ดแวร์และ ซอฟต์แวร์ได้อ้างอิงการทำงานบนมาตรฐานเดียวกันและ VoIP จะมีมารฐานอยู่ 2 มาตรฐานด้วยกันคือ มาตรฐาน H.323 และมาตรฐาน SIP มาตรฐานเหล่านี้เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “Call Control Technologies” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการนำเทคโนโลยี VoIP มาใช้งานสำหรับการสื่อสาร
- มาตรฐาน H.323
เป็น มาตรฐานที่มีการนำมาใช้งานกันในช่วงแรก ๆ ของเทคโนโลยี VoIP เสมือนหนึ่งว่าถูกนำมาใช้งานชั่วคราว เพราะมาตรฐาน H.323 ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานชั่วคราว เพราะมาตรฐาน H.323 ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับกับการทำงานผ่าน IP และข้อเสียอีกประการของมาตรฐาน H.323 ก็คือ จะทำงานได้ค่อนข้างช้า
- มาตรฐาน SIP
ด้วย มาตรฐาน SIP ถือไดว่าเป็นมาตรฐานใหม่ที่ออกมารองรับกับ VoIP ซึ่งถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ IP โดยเฉพาะ โดยในส่วนของการทำงานนั้นจะทำงานคล้ายคลึงกับการทำงานแบบ Client-Server Protocol และถือว่ามาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานที่เหมาะกับการเริ่มต้นใช้งานใหม่เป็นอย่าง มาก

ซอฟต์แวร์ VoIP
ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการทำงานของ VoIP นั้นก็มีอยู่หลายตัว แต่ที่ได้รับความนิยมรวมถึงที่ออกมาใหม่นั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 โปรแกรม ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็กำลังเร่งพัฒนาให้โปรแกรมของตนมีคุณภาพรวมถึงความปลอดภัย ในการทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม
- Skype เป็นโปรแกรม VoIP โปรแกรมแรก ๆ ที่ออกมาซึ่งเป็นการให้บริการที่มีทั้งแบบที่ใช้งานฟรีและแบบที่ต้องเสียค่า บริการ จึงทำให้ Skype มียอดผู้ใช้งานในแต่ละวันเป็นจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน จากผู้ใช้งานทั่วโลก ด้วยการใช้งานที่ง่ายและรองรับกับระบบปฏิบัติการทั้งวินโดวส์ Mac และ Linux
- Google Talk เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมน้องใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาประสิทธิภาพใน การทำงานให้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะถึงแม้ว่าตัวโปรแกรมยังเป็นเวอร์ชันทดสอบ แต่ก็สามารถใช้งานในส่วนของ VoIP ได้อย่างไม่มีปัญหา
- Gizmo Project เป็นโปรแกรมที่อยู่ระหว่างการทดสอบการใช้งานเช่นกัน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงาน VoIP ที่ดีแต่ก็ยังคงมีปัญหาอยู่บ้างบางส่วนของการใช้งาน

ข้อดีของ VoIP
- ประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยการนำเอา VoIP มาใช้นั้นจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือจะเป็นทางด้านระบบของโทรศัพท์ เพราะเมื่อคิดค่าใช้จ่ายจากค่าบริการหรือค่าอุปกรณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อมีปริมาณการโทรทางไกลจำนวนมากในระยะยาวก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีก หลายเท่าตัว
- เหมาะกับการประชุมทางไกล เมื่อมีเหตุจำเป็นจะต้องประชุมผ่านทางโทรศัพท์ทั่วไปนั้นอาจจะเกิดปัญหาของ การติดต่อสื่อสารได้ แต่ด้วย VoIP จะช่วยทำให้สามารถติดต่อสื่อสารด้วยเสียงไปพร้อมกับการรับส่งข้อมูลได้ทันที
- รับ-ส่งไฟล์ได้โดยตรง การติดต่อผ่าน VoIP นั้นจะสามารถส่งไฟล์ให้กันได้โดยตรงผ่านระบบ P2P โดยอาศัยเพียงแค่ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ VoIP เท่านั้นก็สามารถใช้งานได้

ข้อจำกัดของ VoIP
- คุณภาพเสียง ถึงแม้ว่าจะมีราคาและค่าใช้จ่ายในการโทรที่ถูกกว่าโทรศัพท์ทั่วไป แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือคุณภาพของเสียงสนทนาที่จะด้อยลง ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการลดคุณภาพของเสียงลงเพื่อที่จะส่งไปยังปลายทางได้ เร็วมากขึ้น
- อุปกรณ์ในการทำงาน การโทรศัพท์ด้วย VoIP นั้นถ้าเป็นผู้ใช้งานตามบ้านทั่วไป ก็จำเป็นที่จะต้องมีทั้งคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และไมโครโฟนพร้อมลำโพง ซึ่งต่างจากโทรศัพท์ธรรมดาที่จะมีเพียงแค่สายโทรศัพท์และตัวเครื่องโทรศัพท์ เท่านั้น

“จะ เห็นได้ว่าด้วยเทคโนโลยี VoIP ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นให้ประโยชน์ต่อการติดต่อสื่อสารทางไกลเป็นอย่างมาก ซึ่งเหมาะกับทั้งผู้ใช้งานตามบ้านทั่วไป และผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และถึงแม้ว่า VoIP จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการติดต่อสื่อสารด้วยเสียงและข้อมูลด้วยราคาที่ ประหยัดและคุ้มค่ากว่า เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าจับตามองก่อนที่จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นมา”

http://www.omlnetwork.com/tel25satang/voip.php


http://www.onairnetwork.net

รับวางโคโล เช่าเครื่อง โฮสติ้ง vps เริ่มต้นเพียง 800บาท สนใจติดต่อ 083-739-8895


http://www.iguru.in.th

เว็บ กูรู guru สารานุกรม ความรู้ บทความ หาเพื่อน แชท เกม แฟชั่น บันเทิง

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

8 สิ่งที่ควรเลี่ยง ในวัย 30+

8 สิ่งที่ควรเลี่ยง ในวัย 30+

“หากอาหารที่คุณ ทานในแต่ละวันเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารจานด่วนหรืออาหารว่าง โดยไม่มีผักและผลไม้ ทราบไหมคะว่า พฤติกรรมเหล่านี้กำลังบั่นทอนอายุคุณให้ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องปฏิวัติการทานอาหารแบบเดิม ๆ เพื่อการมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น แล้วควรเริ่มจากจุดไหนดีล่ะ?”

ซูซาน โบเวอร์แมน ที่ปรึกษาด้านโภชนาการ ประจำเฮอร์บาไฟล์ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยกุญแจดอกสำคัญกับ Health Plus อันเป็น 8 ข้อที่น่าสนใจมากและทำได้ง่าย ๆ แถมวิธีการที่เธอแนะนำนั้น ล้วนแล้วแต่ทำให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานได้คล่องตัว ขณะเดียวกันผิวพรรณใบหน้า ยังแลดูเปล่งปลั่งอ่อนกว่าวัยด้วย อ้อ…หากคุณอ่านคอลัมน์นี้จบแล้ว ขอแนะนำให้ทิ้งมันฝรั่งอบกรอบและน้ำอัดลมที่วางอยู่ข้าง ๆ ลงถังขยะไปซะ…ใช่ เราเริ่มเห็นลุคส์ใหม่ของคุณราง ๆ แล้วล่ะ

ทานผลไม้แทนขนมหวาน

ตามธรรมเนียมบนโต๊ะอาหาร หลังทานอาหารมื้อหลักเสร็จ ซึ่งเป็นอาหารคาวเสียส่วนใหญ่ มักจะตามด้วยของหวาน ถ้าเป็นฝรั่ง ก็อาจจะเป็น เค้ก ช้อกโกแลต พุดดิ้ง ส่วนคนไทยก็เป็นพวกขนมหวาน เช่น ซาหริ่มน้ำกะทิ ไอศกรีม ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นการตบท้าย

Susan Said : สาวสามสิบที่ติดการทานอะไรหวาน ๆ เพื่อล้างปากหลังอาหารมื้อหลัก สามารถทานได้ แต่อยากให้มองข้ามพวกขนมเค้กหรือคุกกี้ หันมาเลือกทานผลไม้สดสักชิ้นสองชิ้นแทน เพราะผลไม้นอกเหนือจากมีวิตามินและเกลือแร่แล้ว ยังมีเส้นใยอาหาร (Fiber) และสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) สูง ทั้งยังให้รสหวานชุ่มฉ่ำชื่นใจอีกด้วย

Note : ผลไม้ที่มีกากใยสูง เช่น ลูกพรุน ส้มเขียวหวาน กล้วย ส้มโอ ฝรั่ง มะม่วง แอปเปิ้ล ลูกแพร์

ขนมปังโฮลเกรนแทนขนมปังฟอกขาว

แม่บ้านยุคใหม่มากกว่า 50% มักเลือกขนมปังฟอกขาวกลับบ้าน เพราะมีความเชื่อว่าสะอาดปลอดภัย และดูน่าทานมากกว่าขนมปังที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการขัดสี เนื่องจากมีกาก เปลือก เม็ดเล็ก ๆ ตกค้างอยู่ ซึ่งทุกวันนี้ก็มีวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายมากขึ้น

Susan Said : ฝากถึงคุณแม่บ้านทั้งหลายว่า ถ้าแวะแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านเบเกอรี่คราวหน้า ลองหยิบขนมปังฟอกขาวกับขนมปังข้าวกล้อง หรือโฮลเกรน (whole grain) 100% มาเปรียบเทียบว่า คุณจะได้รับคุณค่าสารอาหารจากขนมปังประเภทไหนมากกว่ากัน เพราะโฮลเกรน โฮลวีท ช่วยให้คุณเพิ่มปริมาณใยอาหารได้ง่าย ๆ รสชาติอาจแตกต่างบ้างเล็กน้อย อาจลองนำมาทำเป็นแซนด์วิชหรือหรือขนมปังปิ้งทาแยม เพื่อให้ทานได้ง่ายขึ้น

Note : ถ้าคุณทานข้าวขาว เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินบี 1 ในการป้อกันอาการเหน็บชา คุณคงต้องทานข้าวขาวจำนวน 4 จาน/วัน ในขณะที่คุณทานข้าวกล้องเพียง 1 จานเท่านั้นก็ป้องกันอาการดังกล่าวนี้ ได้เช่นกัน

ทานมื้อเช้าดีที่สุด

การแบ่งอาหารออกเป็น 3 มื้อ เกิดจากขนบธรรมเนียมและความเคยชินของมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้น หากคุณทานอาหารเวลาใดเป็นประจำ ร่างกายก็จะจำเวลานั้นไว้ ความรู้สึกหิวเหมือนเป็นนาฬิกาปลุกเตือนให้ทราบว่า คุณจะต้องทานอาหาร เพื่อเพิ่มพลังงาน ซึ่งอาหารทุกมื้อมีความสำคัญเท่า ๆ กัน แต่มื้อที่สำคัญที่สุด คือ อาหารมื้อเช้า

Susan Said : ซูซานแนะนำว่า การงดอาหารมื้อเช้า จะทำให้คุณรู้สึกอ่อนเพลียในช่วงเช้า จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่ทานอาหารเช้าจะสามารถรักษาน้ำหนักเดิมไว้ ได้ง่ายกว่าผู้ที่งดอาหารเช้า ในชั่วโมงเร่งรีบ ให้ดื่มเครื่องดื่มโปรตีน เชค (protein shake) นมหรือโยเกิร์ต พร้อมด้วยขนมปังข้างกล้องปิ้งทาเนย หรือเนยแข็งไขมันต่ำ ถ้าเป็นไปได้ก็ทานผลไม้สัก 1-2 ชิ้น เพียงเท่านี้ก็ทำให้คุณมีพลังในการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จนถึงมื้อเที่ยง

Note : ช่วงเวลาระหว่าง 07.00-09.00 น. เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับทานอาหารมื้อเช้ามากที่สุด เพราะเป็นช่วงการทำงานของกระเพาะอาหาร จะทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง และระบบขับถ่ายทำงานได้ดีด้วย

ทานผักเป็น 2 เท่าในมื้อเย็น

คนไทยกว่า 10 ล้านราย เสี่ยงต่อปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงและโรคอ้วน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าพฤติกรรมบริโภคที่เปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน ทานผักน้อยลงเฉลี่ยวันละ 185 กรัมต่อวันเท่านั้นเอง ซึ่งอาการท้องผูกเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่เห็นผลไว้มากที่สุด รุนแรงถึงเกิดมะเร็งลำไส้เอาได้ง่าย ๆ

Susan Said : คุณควรเน้นทานผักเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในอาหารมื้อค่ำ ถ้าคุณทำอาหารทานเองที่บ้าน น่าจะมีผัดผัก ผักลวกหรือสลัดผักแทรกอยู่ด้วยเสมอ นั่นก็หมายถึง ควรทานผักในปริมาณที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของมื้ออาหารเย็นทั้งหมด หากต้องทานอาหารนอกบ้าน ให้เลือกเมนูผักแทนอาหารจำพวกแป้ง อย่างที่คุณทราบกันดีว่า ผักมีสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงป้องกันโรคร้าย และให้แคลอรี่ต่ำ

Note : การขับถ่ายอุจจาระสีอ่อน ถ่ายคล่อง จับตัวเป็นก้อนและลอยน้ำได้ นั่นหมายความว่า ร่างกายได้รับใยอาหารเพียงพอ จะมากหรือน้อยตามแต่กากใยอาหารที่ทานเข้าไปในมื้อนั้น ๆ

วอลนัทและเม็ดอัลมอนด์

เมื่อพูดถึงแหล่งโปรตีนสำคัญ นอกเหนือจากเนื้อสัตว์ต่าง ๆ หลายคนจะนึกถึงพืชจำพวกเมล็ดต่าง ๆ ที่เติบโตภายใต้เปลือกแข็ง พืชจำพวกถั่วถูกนำมาเป็นแหล่งโปรตีนทดแทน วอลนัทและอัลมอนด์ ถูกยกให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ

Susan Said : แน่นอนที่สุด การทานเม็ดวอลนัท และอัลมอนด์เป็นอาหารว่าง นอกจากจะไม่มีโทษแล้วยังให้คุณค่าต่อร่างกาย สำหรับมันฝรั่งทอดและขนมขบเคี้ยว อาจให้รสชาติที่หวาน มัน เค็ม กรอบอร่อย แต่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยมาก แถมยังได้รับไขมันที่ไม่จำเป็นต่อตัวคุณด้วย เลือกไขมันเพื่อสุขภาพและโปรตีนตามธรรมชาติ เพื่อยับยั้งความหิวด้วยการบริโภคถั่วต่าง ๆ แทนจะดีกว่า

Note : อัลมอนด์ เป็นอาหารก็สามารถทานเพื่อลดคอเลสเตอรอล และแทนอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวได้ โดยไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด คุณจึงทานเล่นแทนขนมขบเคี้ยว ได้คุณค่าตามธรรมชาติด้วย

ดื่มน้ำเปล่าเพื่อชะลอวัย

แพทย์ชาวญี่ปุ่น เผยผลการวิจัยในเรื่องเกี่ยวกับน้ำพบว่า การดื่มน้ำประมาณ 14 แก้วต่อวัน จะทำให้อายุยืน ผิวพรรณแลดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวแห้งหยาบ ไม่ชุ่มชื้น ดวงตาแห้ง มีกลิ่นปาก ท้องผูกบ่อย ๆ เป็นริดสีดวงทวาร นั่นเป็นปฏิกิริยาทางร่างกายที่บอกให้รู้ว่า คุณต้องดื่มน้ำมากเป็นสองเท่าจากปกติ

Susan Said : การดื่มน้ำในมื้อกลางวันและค่ำนั้น ลืมเครื่องดื่มรสหวานบางชนิด อาทิ โซดา ชาผสมน้ำตาลหรือน้ำมะนาวไปเลย เพราะน้ำที่ผ่านการปรุงแต่งเหล่านี้ นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว ยังเพิ่มแคลอรี่ให้แก่ร่างกาย หลีกเลี่ยงโดยหันมาดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำแร่แทน เหยาะน้ำมะนาวสักเล็กน้อย เพื่อสร้างความรู้สึกสดชื่นให้แก่ร่างกาย รู้ไหมคะ ถ้าคุณเลิกดื่มน้ำอัดลมแทนน้ำเพียง 1 มื้อ จะทำให้แคลอรี่ลดลง 150 แคลอรี่ และลดน้ำตาลได้ถึง 10 ช้อนชาเลยทีเดียว

Note : ญี่ปุ่นยุคใหม่นิยมดื่มน้ำ 4 แก้วทันทีหลังจากตื่นนอน เพราะมีผลพิสูจน์ สรุปว่า การดื่มน้ำ ช่วยชะลอความแก่ และบำบัดอาการปวดตามร่างกายได้ 100% แต่ถ้าดื่มน้ำตามคำแนะนำของแพทย์ จะทำให้หายจากโรคไขข้ออักเสบได้ภายใน 3 วัน

แคลเซียมกับสาวสามสิบ

สำหรับสาววัยสามสิบขึ้นไป แคลเซียมยังคงเป็นสารอาหารที่ร่างกายยังคงต้องการอยู่ มีผลวิจัยทางการแพทย์พบว่า ความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมไปใช้ตามส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของกลุ่มสาววัย 30 ขึ้นไป ยังมีอยู่ประมาณ 55%

Susan Said : บริโภคอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม อาทิ นมพร่องมันเนย 1 แก้ว เนยเหลว 1 ช้อน โยเกิร์ต 1 ถ้วย หรือเนยแข็ง 1 ชิ้น ผลิตภัณฑ์นมดังกล่าว เป็นแหล่งสร้างแคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง สำหรับผู้ที่ไม่ชอบผลิตภัณฑ์นม ให้บริโภคนมถั่วเหลือง หรือเครื่องดื่มธัญพืชที่มีแคลเซียมสูงแทน

Note : แพทย์แนะนำว่า ผู้หญิงในวัยสามสิบขึ้นไปควรดื่มนมถั่วเหลืองแทนผลิตภัณฑ์นม เพราะในนมถั่วเหลืองอุดมด้วยแคลเซียม และมีเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนเพศหญิง หากดื่มวันละ 1 แก้วขณะท้องว่าง จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แต่ผู้ชายไม่ควรดื่มทุกวัน เพราะจะทำให้มีลูกยากขึ้น

โอเมก้า 3 บำรุงสมองและดวงตา

โอเมก้า 3 คือ กรดไขมันจำเป็นไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่ร่างกายมีความจำเป็นต้องใช้ แต่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ แบ่งออกเป็น 3 ชนิดขึ้นอยู่กับความยาวของโมเลกุล พบมากในบริเวณสมองและดวงตา หากทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงระบบสมองและดวงตาโดยตรง

Susan Said : การบริโภคอาหารทะเล โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก จะมีไขมันโอเมก้า -3 ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของคนเราให้แข็งแรง ทั้งยังให้โปรตีนสูงแต่มีแคลอรี่ต่ำ สำหรับปลาทูน่ากระป๋องสามารถนำมาปรุงผสมกับผลอโวคาโดบด เพื่อทำเป็นไส้แซนด์วิช หรือปรุงเป็นสลัดผักเขียวปลาทูน่าสำหรับมื้อเร่งด่วน สำหรับผู้ที่ชอบทานอาหารนอกบ้านและบริโภคเมนูเนื้อหรือไก่ คราวหน้าให้เลือกบริโภคปลาย่างหรือปลานึ่งมะนาวแทน

Note : การนำปลาทะเลมาปรุงอาหารแบบทอดจนกรอบ เป็นสิ่งที่ควรเลี่ยงอย่างมาก เพราะจะทำให้กรดไขมันเชิงซ้อนหรือโอเมก้า 3 ถูกทำลาย โดยเฉพาะในปลาทูน่า ถ้าปรุงในแบบทอดจะไม่เหลือกรดโอเมก้า 3 อยู่เลย

แหล่ง ที่มา : Health Plus


จากเว็บไซต์ : www.postjung.com


http://www.iguru.in.th เว็บ กูรู guru สารานุกรม ความรู้ บทความ หาเพื่อน แชท เกม แฟชั่น บันเทิง